“บ้าไปแล้ว” คำที่คนรอบๆตัวเอ่ยเมื่อผมเล่าโปรเจคออกทริปลุยเดี่ยวของผมให้ฟัง 555 ก็บ้าจริงๆแหละครับ อยากลองดู ได้โอกาสลางานสองวันรวมเสาร์อาทิตย์ได้ 4 วัน เอาเป็นว่าเดินทางสักสามวันอีกวันพักละกัน วางแผนเสร็จสรรพ เริ่มที่บางบ่อ ไปยังแม่สอด แล้วขึ้นไปนอนแม่เมย วันที่สองลงมาสุโขทัย กลับมานอนอยุธยา แล้วถึงกลับบ้าน ถ้าสรุปแค่นี้ ก็เหมือนไม่มีอะไร แต่จริงแล้ว สุดยอดประสบการณ์กำลังจะเกิดขึ้น
อ้อ ผมยังเล่าไม่หมด นอกจากการขับรถเล่นของผมในครั้งนี้ สิ่งที่ผมอยากทำอีกอย่างคือ ถ่ายรูปดาวครับ มือสมัครเล่นน่ะครับ หาบทความเอย ถามท่านผู้รู้เอยเพื่อที่จะลองถ่ายรูปด้วย แต่แล้ว ด้วยความพลาดของผมอย่างแรง ก่อนเดินทางได้สองวัน ผมเช็คปฏิทิน ข้างขึ้นข้างแรม พบว่า ขึ้น 14 ค่ำ โอ้ อีกวันเดียวก็จะเต็มดวงและ ไม่ต้องคิดต่อและดงดาว ไม่เห็นกันพอดี ดวงจันทร์สว่างซะขนาดนั้น
หลังจากที่ทราบเรื่องนี้ในใจก็คิดเนาะ เออ ไม่เป็นไรเที่ยวเอามันส์และกัน และการเดินทางก็กำลังจะเริ่มขึ้น หลากหลายอารมณ์หลากหลายประสบการณ์ จึงต้องการบันทึกไว้เป็นความทรงจำ ……..
วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559 (ขึ้น 14 ค่ำ T T)
3:00 น. เริ่มออกเดินทาง
เช้านี้ อากาศแจ่มใสไม่เหมือนกับ สองสามวันที่ผ่านมา ซึ่งฝนตกหนักทุกวันเลย ขับรถออกจากหมู่บ้าน ผ่าน รปภที่กำลังฝันหวาน รถบนถนน ไม่เยอะมาก มาเรื่อยๆ ผ่านอยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี อุทัยธานี จนมาถึงนครสวรรค์ แวะเติมแกส เข้าห้องน้ำแล้วเดินทางต่อ ผ่านกำแพงเพชรซึ่งที่นี่ก็มีอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นมรดกโลกอีกแห่ง แต่ไม่แวะครับ 555
8:00 น. ถ้าเมารถคงมีอ๊วกกันบ้างแหละ
ผ่านกำแพงเพชรมา ดวงตะวันโผล่ขึ้นมาทักทาย ผมแวะปั้มอีกครั้งเพื่อเติมพลังทั้งคนทั้งรถ ก่อนจะเลี้ยวซ้าย เข้าไปยังแม่สอด การเดิมทางที่พึ่งเริ่มต้น แต่เหมือนจะหน้าเบื่อ แต่หารู้ไหมว่า ความตื่นเต้น นั้นรออยู่ เส้นทางจากแยกเข้ามายังแม่สอด ต่างจาก ที่ขับมาทั้งคืน ทั้งชันและคดเคี้ยว แต่จุดพีทอยู่ที่ รถบรรทุกครับ ขับกันเร็วมาๆ(ขาลง) และช้าาาาามาก(ขาขึ้น) ถ้าข้ามฝากมาชนคงแบนแต๊ดแต๋แน่ หรือตอนเร่งเครื่องแซง ลุ้นกันเกร็งเลยทีเดียว
นอกจากบรรดารถบรรทุกแล้ว มีสิ่งนึงที่ผมพึ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตนั้นคือ ที่หยุดรถฉุกเฉิน มองภายนอกนึกว่าเนินจั้มฟ์ แบบที่อยู่ในเกมส์ 555 ถ้าคิดไม่ออกผมได้แคปหน้าจอจาก google street view มาให้ชม นี่เลย เนินจัมฟ์ในตำนาน 555
ผมได้ลองหาข้อมูลดูพบว่าเจ้าที่หยุดรถเนี่ย เคยใช้งานจริงๆมาแล้วมากมายและได้ผลอย่างมาก โดยจะสร้างไว้เพื่อแก้ เวลารถขนาดใหญ่เบรกไม่อยู่ และจะสร้างบริเวณที่ ถนนมีความลาดชันมากกว่า 7% !!!
9:45 น. มิงกาละบาแม่สอด
เอ๊ะ ผมไม่ได้ข้ามไปเมียร์ม่านะ แต่ข้ามไม่ข้ามก็เหมือนกัน ที่นี่ชาวเมียร์ม่าเยอะมากกกก และที่นี่ก็เจริญมากด้วย มีทั้งสนามบิน มีห้างมากมกายรวมถึงโลบินสันแม่สอดครับ เจริญกว่าบ้านผมอีก 5555 มาถึงนี่ แต่จุดหมายของผมอยู่เลยไปอีกหน่อยนั้นคือ “คลัง 9” แหล่งรวมจักรยานนำเข้ามือสอง มากมายมาเป็นโกดัง
10:00 น. คลัง 9 แหล่งรวมจักรยานมือสองนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดในไทย
ที่นี่มีจักรยานเยอะมากครับ หลายร้านด้วย ทุกร้านมีคนขายเป็นชาวเมียร์ม่า ลองได้เต็มที่ มีหลากหลายสภาพหลากหลายราคา แต่เมื่อคุยเรื่องราคาต้องปวดหัวเพราะว่า ฟังพี่ๆคนขายแถบไม่รู้เรื่อง จริงครับ ครั้งแรกเลยที่ ซื้อของในประเทศตนเองแต่ฟังแทบไม่ออก แต่พวกพี่ๆเค้าใจดีนะครับ เสียดายสถานที่ห้ามถ่ายภาพบรรยากาศ จึงได้แต่ถามราคาและถ่ายรูปจักรยานมาให้ชมแทน
คันนี้เบสิคครับ มีเกียร์ โช๊คอัพ ล้อ 20 สภาพไปปั่นไปตลาดก็ถึง 555 ราคา 1500 เท่านั้น
จนมาถูกใจ สองคันนี้ครับ ยี่ห้อเชฟ คันแรกมีเกียร โช๊คอัพ ล้อ20 ราคา 3500 กับอีกคัน คันเล็ก ล้อ 16 ไม่มีโช๊คอัพ ราคา 1800 เดิมๆ ทั้งคู่เปลี่ยนเบาะหน่อย ขี่แว๊นได้เลย 5555
ต่อรองราคาเสร็จสรรพ ควั๊กกระเป๋าตังมาจ่าย อ้าวววว ไม่มีเงิน ลืมกดเงินมาสิครับ
ผม:พี่ๆ แถวนี้มี ATM ตรงไหนครับ พอดีไม่ได้กดเงินมา
พี่คนขาย:มีๆ ด้าน้ะ(สำเนียงฟังยากๆ)
ผม:งั้นเดี๋ยวมาผมขอไปกดเงินก่อน
พี่คนขาย: มาๆๆ เดี๋ยะพาซ้องมอไซป่ะ
โห สุดยอด มีน้ำใจมาก เค้าพาผมซ้อนมาไซค์ไป หน้าปากซอยเพื่อกดเงินครับ จริงๆ พี่คนขายชาวเมียร์ม่าคนนี้จริงๆเค้าไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เป็นลูกจ้าง ให้กับเถ้าแก่ของเค้าอีกที ทั้งสองคนน่าจะเป็นคนเมียร์ม่า ที่มีเชื้าติทางเอเชียกลางนะ ผมรู้สึกว่าทั้งสองคนเหมือน คนอินเดียมากกว่า
แล้วผมก็ซ้อนมอไซค์ชาวเมียร์ม่าไป เป็นครั้งแรกเลยครับ 555 แปลกดี แต่ก็ขอบคุณมากครับ ผมไม่ได้ถามชื่อพี่คนขายมาหรอก นอกจากนั้นเค้ายังพยายามเข้าไปเจรจาต่อรองราคากับเถ้าแก่ให้ จนสุดท้าย เค้ายังช่วยขี่จักรยาน มาส่งและพับขึ้นรถ
ลืมบอก เวลาซื้อจักรยานที่นี่ ราคาเค้าจะบอกมารวมภาษีแล้วนะครับ ภาษีอะไรสักอย่าง เวลาซื้อคนขายเค้าจะ ปั่นจักรยานไปเอาเอกสารแสดงภาษี ไว้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู
ตัดกลับมาที่รถ ตายล่ะ แค่ของแคมปิ้ง ด้านหลังก็แทบจะใส่อะไรเพิ่มไม่ได้ แล้วจักรยานสองคันนี้ล่ะ ซื้อมาแล้วยังไงต้องเอากลับ สุดท้ายก็ยัดลง แต่ผมนี่สิเหงื่อท้วมตัว เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยเปื้อน 555
11:00 น. สุดประจิมที่ริมเมย
ออกรถย้อนกลับมาทางแม่สอด ตลาดริมเมย ตลาดขายของพื้นบ้าน ริมชายแดนเมียร์ม่า ในตลาดผมว่าก็เหมือนทั่วๆไป ขนม ถั่วต่างๆ แป้งเมียร์ม่า เสื้อผ้า เครื่องแกะสลัก ซึ่งผมเดินไม่นาน ก็ออกเดินทางต่อ
13:00 น. เส้นทางไม่ได้โรยด้วยลาดยางเสมอไป
เพราะอาทิตย์ยังแผดเผาอากาศก็ร้อน ได้เวลาเดินทางต่อ หลังจากเติมซื้อเสบียง ไก่ย่างห้าดาวและข้าวเหนียว เพื่อเป็นมื้อเย็นบนดอยอันเดียวดาวของผมในคืนนี้ ออกจากแม่สอดมามุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เมย แผนผมคืนนี้ผมจะไปนอนม่อนกิ่วลม เพื่อไปดูดาวในยามค่ำคืนและตื่นเช้ามาดูทะเลหมอก
100 km แรกเส้นทางที่มุ่งเหนือไปยังแม่ฮ่องสอง เป็นทางราบปกติ มีเขาบ้างนิดๆหน่อยๆ ผิดกับเส้นจากตากมายังแม่สอด แถมรถยังน้อยอีกด้วย ขับรถเพลินๆ จะสังเกตุเห็นหมู่บ้านที่ถูกล้อมรั่ว มีป้อมถี่ๆ เป็นจุดๆ มีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดลายพรางประจำป้อม ผมแวะจอดรถเพื่อเข้าไปพูดคุยสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ชุมชนนี้คือ ชุมชนผู้ลี้ภัยสงคราม ส่วนใหญ่ข้ามมาจากเมียร์ม่า ผู้อพยพที่นี่ไม่สามารถออกมาด้านนอกได้ แต่เค้ายังมีโอกาสอพยพไปประเทศที่สามเช่นอเมริกา ญี่ปุ่น หรือทางยุโรป หากเค้าผ่านการสัมภาษณ์
หลังจากขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่ผมก็เดินทางต่อ ขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ ก็เจอทางเลี้ยวเข้าอุทยาน มีรถที่พึ่งลงมาจอดพัก คนบนรถมองด้วยสายตาแปลกๆ ประมาณว่า มึงจะไปจริงๆ หรอ ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ มุ่งหน้าสู่ความลาดชันอันไกลโพ้น 555 อีก 7 กม. จะถึงที่ทำการแล้ว
ผ่านไปร้อยเมตรแรก สองร้อยเมตร สามร้อยยย ผมก็ค้นพบกับพื้นผิวดาวอังคาร ดาวอังคารแบบนรกด้วย ทั้งชัน ทั้งหลุม บางจุดพื้นหายไปครึ่งเลน ไม่เหมาะกับเก๋งติดกระโปรงอย่างยิ่ง
15:00 น. ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย
หลังจากผ่าน 6 km ผิวดาวอังคารและความชันแห่งมาเชี่ยนมาได้ ก็จะพบกับอุทยานนนนนนนน แห่งชาติแม่เมย อุทยานแห่งนี้มีจุดที่ให้ นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆได้กางเต้นท์ตั้งหลายจุด ตั้งแต่ที่ ที่ทำการอุทยานเอง หรือจะไปกางตามม่อนต่างๆไม่ว่าจะ กิ่วลม ครูบาใส
ผมเข้าไปทักทายและชำระเข้าธรรมเนียมตามปกติ และได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ
ผม: ตรงไหนน่ากางเต้นท์บ้างครับ
เจ้าหน้าที่:กางตรงริมน้ำตกหรือ ด้านหลังตรงนี้ก็ได้ครับ
ผม:ตรงม่อนกิ่วลม สามารถกางเต้นท์ได้ไหมครับเห็นว่าสวย
เจ้าหน้าที่:ได้ครับ หรือจะกางที่ม่อนครูบาใสก็ได้ครับ ม่อนกิ่วลมไปอีก สิบกว่าโล ม่อนครูบาใส อีก 7 โล
ผม:ด้านบนมีห้องน้ำไหมครับ
เจ้าหน้าที่:มีครับแต่ไม่มีห้องงอาบน้ำ
ผม:ด้านบน ถ้ากางเต้นท์คนเดียวน่ากลัวไหมครับ เห็นว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ และผมมาคนเดียว
เจ้าหน้าที่:ไม่น่ากลัวครับ น้องเป็นคนแรกที่มาวันนี้ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย
ทำเอาผมกังวลใจนิดๆว่าจะเอาไงดีวะ ไปกางคนเดียว จะหลอนไหมเนี่ย คิดต่างๆ นาๆ
เจ้าหน้าที่:ลองขึ้นไปดูก่อนก็ได้ครับ ถ้าไม่ไหวค่อยกลับมาด้านล่าง
เอาวะลองดู สุดท้าย ผมถามถึงทางที่จะขึ้นไป ได้คำตอบว่า เหมือนกับที่ขึ้นมาครับ -_-”
ผมขนเสื้อผ้าลงจากรถ เพื่ออาบน้ำอาบท่า เผื่อที่จะนอนบนนั้นจริงๆ จะได้ไม่เสียเวลา ระหว่างที่อาบ น้ำที่สุดจะเย็น ในอุทยานที่เราเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียว ก็คิดไปเรื่อยๆ จน เอาไง เอากันไหนๆ ก็มาแล้ว
16:00 น. ลุ้น
เสร็จธุระส่วนตัว ผมออกเดินทางต่อ เพื่อไปเสี่ยงดวงเอาข้างหน้าว่า จะมีนักท่องเที่ยวกางเต้นท์ไหม ถ้ามีอย่างน้อยผมก็มีเพื่อน ไปกางเต้นท์ในที่เปลี่ยวๆ กลางค่ำกลางคืนคนเดียว ผมขับรถมาต่อ ทางขามาอุทยานเป็นไง ต่อจากนี้ก็เป็นอย่างนั้น ดางอังคารแห่งมาเชี่ยนไม่มีผิด 5555
ใช้เวลาเกือบครึ่ง ชม. กับระยะทางเพียง 7 km จริงครับ ค่อยหยอดๆ ถึงอย่างนั้นก็สั่นไปทั้งกระเพาะ แถมยังต้องมาลุ้นอีกว่า จะมีคนอาศัยนอน บนม่อนครูบาใสไหม ที่จริงผมตัดสินใจจะไม่ไปม่อนกิ่วลมแต่แรกเพราะทางเนี่ยแหละครับ เหมือนจะใกล้ แต่ไกล 555 จนแล้วจนรอดผมก็มาถึง ม่อนครูบาใส
16:30 ความจริงปรากฎ
ภาพแรกที่ผมเห็นคือ ลานกว้างงงง สุดลานมีเต้นท์อยู่สามหลังพร้อมกะบะ มีชายฉกรรจ์กำลังเดินไปเดินมาท่าทางมีพิรุธ ผมทำใจดีสู้เสือ “พี่ครับ ขอกางเต้นท์นอนด้วยคนนะครับ” “เชิญครับๆ” หนึ่งในกลุ่มนั้นตอบกลับ
ผมจอดรถ เช็คสัญญาณมือถือก่อนเลย ไม่มีครับ AIS DTAC TRUE สักค่าย T T พร้อมขนข้าวของยังกะย้ายบ้าง ลงจัดแจงกางเต้นท์ ซึ่งห่างจากกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 50 เมตร กลุ่มคนดังกล่าว ทักทายพูดคุยผมตามประสา มาคนเดียวหรือครับ มาจากไหน ยังไง อะไรประมาณนี้ พร้อมกับเริ่ม จุดกองไฟ ในใจ คงไม่ได้จะจับผมหั่นเป็นชิ้นๆ กินเป็นอาหารค่ำนะคร๊าบบบมื้อนี้
ชายฉกรรจ์ 1 : พี่(เค้าเรียกผมว่าพี่)มาคนเดียวไม่กลัวหรอครับ กล้ามาเลยนะครับ
ผม : ครับเปลี่ยนบรรยากาศ (พร้อมกับหัวเราะกลบความกลัว)
ชายฉกรรจ์ 1 : นี่ถ้าไม่เจอพวกผมยังจะกาง คนเดียวไหมครับ
ผม: คงคิดดูก่อนนะครับ
ชายฉกรรจ์ 2 :พี่เค้ามาคนเดียวคงมีอะไรป้องกันตัวติดมาด้วยบ้างล่ะหน่า
ผม : แหะๆๆๆ ก็มีบ้างครับ (นี่ทำพูดดีไป … ในใจผมคิดว่าสติเนี่ยแหละครับ เครื่องป้องกันชั้นดีของผม)
ชายฉกรรจ์ 3:ในรถพี่เค้าทั้งปืนเอย ระเบิดเอย นี่รู้ไหมครับ แถวนี้พม่าเยอะ เกิดมันย่องมาตอนดึกฆ่าเราไม่ทันร้องเลย
ชายฉกรรจ์ 1 :หรือถ้าพวกผมเป็นคนร้ายเองจะทำยังไงครับ สัญญาณมือถือก็ไม่มี
ผม: งั้นผมกราบลาละครับ T T
ชายฉกรรจ์ 1:เดี๋ยวๆๆ ผมพูดเล่นน่ะครับ 55555
หลังจากผูกมิตรเรียบร้อย พระอาทิตย์ยัง ไม่ตกไหนๆก็ไหน ซ้อมไว้หน่อยจักรยานที่ซื้อมา ว่างนัก ปั่นเล่นบนดอยแม่งเลย 5555 (ขออภัยหากดูเถื่อน มีไว้เพื่อป้องกันตัวครับ 555)
หลังจากเตรียมแผนสำรอง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะปั่นจักรยานลงเขาเนี่ยแหละ ก็ได้เวลาสำรวจรอบๆ ห้องน้ำครับ เพราะยังไงคงหนีที่นี่ไม่พ้น ห้องน้ำหรอครับ อย่าเรียกงั้นเลยครับ เป็นส้วมซึมที่ไม่มีน้ำ อึคงไม่ไหวถ้าข้าศึกไม่บุกจวนตัวจริงๆ แค่ฉี่ยังไม่ค่อยจะกล้าเลย ห้องน้ำมีสองห้องอีกห้องปิดตายอยู่ ไม่รู้ว่าห้องงข้างๆ มีศพอยู่ไหม จินตนาการเข้าไป 5555 เอาเป็นว่า ถ้าดึกปวด บอกได้คำเดียว “อดทน”
18:00 น. เมื่อความมืดเข้าครอบงำ
พระอาทิตย์ตกแล้วครับ หลังจากทำความคุ้นเคยกับกลุ่มชายฉกรรจ์ ผมขอเปลี่ยนชื่อพวกพี่ๆ เค้าเป็น นักตกปลานะครับ เพราะ จากการนั่งคุยกัน เนียนๆ ไปพบว่า พี่ๆเค้ามีอาชีพทำเรือตกปลาอยู่เกาะสีชัง ปีนึงจะมาเที่ยวกับเเพื่อนๆหนนึง ครั้งนี้พวกเขามีเวลา 1 อาทิตย์ วันนี้เป็นวันแรกของเขาและพรุ่งนี้เค้าจะไปต่อที่แม่ฮ่องสอน ว่าแล้ว พี่ๆกลุ่มนักตกปลา ก็ย่างปลาหมึกของดีของสีชังให้ผมได้ลิ้มลอง อร่อยมากครับ ขอบคุณมากๆ ทั้งปลาหมึก ทั้งเพื่อนกางเต้นท์ จริงๆแล้วผมถามชื่อมาแต่สุดท้ายก็จำชื่อไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วง ผมจำหน้าได้ครับ หากเจอที่สีชังผมจะเข้าไปทักแน่นอน
20:00 น. ฝันดีราตรีสวัสดิ์
นั่งฟังพวกพี่ๆนักตกปลาคุยกัน ประสาเพื่อนสนุกสนาน เราก็ได้เวลาพักผ่อนถามว่าง่วงไหม ง่วงครับ ดีที่คืนนี้เป็นคืนแรม แสงจันทร์สว่างมากมองไปทางไหนก็เห็นไม่มืดมาก แต่ความกังวลเล็กๆ ทำให้ผมถอยรถมาจอดข้างๆ เต้นท์เผื่อเกิดอะไรขึ้น
ถึงคือนี้ดวงดาวจะน้อย แต่ก็ยังพอมีให้เห็น หลับๆตื่นๆ ฟังพี่ๆคุยกัน พร้อมกับเสียง โรงสีบ้างทำให้ไม่เงียบเหงาดีครับ คร๊อกกกกก คร๊อกกกก ทั้งคืนเลยยยยย
จบแล้วสำหรับ part แรกกับประสบการณ์เที่ยวคนเดียว พรุ่งนี้ ยังมีเรื่องต่างๆมากมายรอเราอยู่ เก็บแรง รับรองอีกรสชาติไม่แพ้วันนี้แน่นอน……
เปรี้ยวจริงๆ ไปคนเดียว แต่น่าตามรอยเหมือนกันนะ