…เมื่อความต้องการกระหายประสบการณ์ได้กำเนิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเตือนตัวเองว่าถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางอีกครั้ง แถมเดิมผมได้สัญญาไว้กับพี่คนนึงที่ออฟฟิต ว่าเราจะไปเดินป่าด้วยกัน ทำให้ทริปนี้กำเนิดขึ้น และเป็นครั้งแรกของการเดินป่าหรือ trekking นั้นเองงงงงงง (พร้อมเสียงดนตรี)
จุดหมายในครั้งนี้เราไปเดินป่ากันที่ดอยหลวงตาก จ.ตาก โดยใช้ระยะเวลา สองวันหนึ่งคืน กับระยะทาง 11 กิโลเมตรถึงยอดภู โดยเราจะนอนกางเต้นท์กันในป่า ก่อนจะกลับลงมาอีกวัน โดยผมได้ใช้บริการ trekkingthai ที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ รถจากกรุงเทพ ไกด์ อาหาร และอื่นๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง ผมใช้เวลาจองล่วงหน้าประมาณเดือนกว่าๆ ตั้งหน้าตั้งตารอจนเมื่อถึงวันนัดเราก็พร้อมมมม ที่จะออกเดินทาง……
คืนวันศุกร์ที่ใครๆหลายคนกำลังทานอาหารค่ำอย่างเอร็ดอร่อย หรือบางคนอาจจะอยู่ระหว่างทาง ผมแบกกระเป๋าสัมภาระเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆ ใส่กระเป๋าขึ้น bts ลงสถานีสนามเป้า ประตูสาม เวลานัดของทัวร์คือ จะออก สี่ทุ่มครึ่งแต่เจ้าหน้าที่จะแนะนำใ้หเราถึงก่อน สัก ชม. เพื่อเตรียมตัว
สามทุ่มครึ่งผมถึงบีทีเอส สนามเป้าเจอกับน้องที่ผมนัดแล้ว ผมแวะเซเว่นด้านหน้าเพื่อซื้อของตุนนิดหน่อยระหว่างทางนั่งรถ แล้วขึ้นไปฝากกระเป๋าบนออฟฟิตแล้วมารอด้านล่าง
สมาชิกทีมผมมีสามท่านเท่านั้นคือผม พี่และน้อง อีกสองท่าน ส่วนสมาชิกทั้งหมด มีสามคันรถตู้ โดยแต่ละคันจะมีสตาฟประจำคอยดูแลหนึ่งท่าน
สี่ทุ่มครึ่ง รถตู้ได้ออกเดินทาง สตาฟคันผมแนะนำตัว ชื่อพี่มัท พีมัทเป็นผู้หญิงทะมัดทะแมง ชื่นชอบการท่องเที่ยว เฟรนลี่มากๆๆๆ คุยตลกๆ และเล่าเรื่องต่างๆให้เราฟัง คันผมจากเดิมเก้าคนแต่เหลือจริงๆ 7 คนเท่านั้น ครั้งแรงที่มาก็คิดว่าคงจะมีแต่ผู้ชายที่ชอบการท่องเที่ยวที่ไม่ชิวแบบนี้ แต่ไหงเลยมาเจอจริงๆ กลับเจอทั้งสตาฟผู้หญิงและ นักท่องเที่ยวผู้หญิง ซึ่งหลังจากนับแล้ว มากกว่านักท่องเที่ยวผู้ชายถึงสองเท่า
ตีห้า รถตู้มาจอดหน้า อบต อะไรสักอย่าง 555 จำชื่อไม่ได้ คนในรถยังไม่ตื่นกันแต่ด้วยความตื่นเช้าเราจึงตื่นก่อนใครเพื่อน จนเกือบหกโมงเริ่มตื่นและลงจากรถกัน สตาฟแนะนำให้ลูกทัวร์เตรียมตัว แต่งตัว จัดของก่อนจะลุยกัน โดยห้องน้ำอยู่ด้านหลัง พวกผมก็จัดการล้างหน้าล้างตา แต่น้ำไม่ได้อาบเจอแต่ห้องส้วม หาห้องอาบน้ำไม่เจอ จัดข้าวของโดยของที่จะนำขึ้นไปต้องมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนแต่ไม่อาบน้ำนะด้านบนไม่มีห้องน้ำ น้ำดื่มอย่างน้อยสามขวด ผมเอาไปสาม ถุงนอน อันนี้เป็นอุปสรรคเลยก็ว่าได้ มันเกะกะมากกกก ยาที่จำเป็น ทิชชู่เปียก และข้าวห่อคนละห่อ รวมๆ แล้วเป้หนักน่าจะสิบโลได้ 5555
จัดของล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย สตาฟเรียกให้ไปกินข้าวเช้า ร้านใกล้ๆ เพื่อเติมพลังก่อนจะออกเดินทางกัน หลังจากอิ่มแล้วสตาฟเรียกรวมพล เพื่อชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้สมาชิกลูกทัวร์ได้ทราบ เช่นการเดินทาง แนะนำสตาฟ แนะนำเจ้าหน้าป่าไม้ และอื่นๆที่จำเป็น
แปดโมงครึ่งได้เวลาออกเดินทาง ฟ้าฝนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเต็มใจหรือไม่ อากาศขมุกขมัว เหมือนจะตกหรือไม่ตก มีลมพัดเย็นๆเป็นระยะๆ สตาฟต้อนเราขึ้นรถขนวัว เพื่อจะนั่งรถไปยังจุดเริ่มต้น ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีก เรานั่งรถประมาณ 10 นาทีผ่านฟาร์มวัว ที่ชาวบ้านแถวนี้น่าจะเลี้ยงเป็นอาชีพหลัก
เมื่อมาถึงจุดเริ่มต้น เราจะเจอกับป้ายที่บ่งบอกว่า นี่แหละจุดเริ่มต้นของเรา และ ระยะทางที่จะเดินอีก 11 กิโลเมตร พวกเราทุกคน ร่วมกันถ่ายรูปคู่กับป้าย ก่อนจะเริ่มออกเดินทางกันจริงๆจังๆ โดยสตาฟทั้งสามท่านได้แนะนำว่า ช่วงแรกทางมีหลายแยกให้เดินตามเจ้าหน้าที่หรือลูกหาบไป อย่าเดินคนเดียว และช่วงแรกนั้นจะเป็นป่าโปร่งทางจะไม่ชันมาก จนพอเริ่มขึ้นเขาทางจะชันและจะต้องผ่านป่าดิบก่อนถึงด้านบน
วันนี้แดดไม่แรงมาก มีลมเรื่อยๆ การเดินทางช่วงแรกเราจึง ชิวๆ เริ่มจากเกาะกันเป็นกลุ่มใหญ่ ผ่านไปสักผักเริ่มกระจัดกระจาย มีการแวะพักเรื่อยๆ จุดพักแต่ละจุดก็จะมีลมเย็นๆ พัดมาให้ชื่นนนใจ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติดอยหลวงตากนี้ เดิมเคยมีน้ำตก และลำธารไหลผ่าน แต่ด้วยความแห้งแล้งทำให้ไม่มีน้ำ แม้เราจะมาเที่ยวช่วงฤดูฝนก็ตาม T T ซึ่งถ้ามีน้ำคงจะสวยมากๆแน่ ตอนนี้เหลือแต่ผืนทรายกับหิน
เราเดินกันมาจุดชมวิวยอดเขา น่าจะประมาณ 1/5 ของเส้นทาง เจ้าหน้าที่ได้ชี้ให้เราดูจุดหมายปลายทางของเราวันนี้ ซึ่งบอกเลยยยย ช่างเป็นจุดหมายที่ไกลเหลือเกินนนนนนน 5555
เกือบ 11 โมง เรายังเดินมาเรื่อยๆ เริ่มเหนื่อย กลุ่มเริ่มแตกเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ทางก็เริ่มชัน กลุ่มหน้าที่ผมเกาะมาด้วยแวะกินข้าวกันที่นี่ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งระยะทางไว้อีกประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึง แต่จะเหลือแต่ทางชันและป่าดิบแล้ว
เรากินข้าวห่อที่ทางสตาฟแจกให้เมื่อเช้ากันอย่างอร่อย น้ำสามขวดที่แบกมาเริ่มร่อยหรอ เหลือเพียงขวดเดียวกับระยะทางช่วงสุดท้าย
ก่อนที่จะเข้าสู่ป่าดิบเราจะเจอกันสันเขา ตรงนี้ผมว่าสวยดีนะ เดินยากด้วยจริงๆมันค่อนข้างชันเลยล่ะเล่นเอาเมื่อยเลยยย แต่รูปถ่ายวันกลับ วันขึ้นไม่ไหว หลังจากกินข้าวแล้วแทบไม่มีแรงยกกล้องเลยก็ว่าได้
ก่อนจะขึ้นถึงยอดด้านบน จุดนี้ถือว่าชันมากๆ แทบปีนกันเลยทีเดียว กับกระเป๋าหนักๆ เนี่ยระวังจะหงายหลังเอา
เดินต่อกันอีกนิด จะผ่านป่าดิบ เจ้าหน้าที่จะพาเราแวะจุดชมวิวอีกจุดนึง นั้นก็คือยอดที่เรามองเห็นจากด้านล่างอะแหละ บนนี้ลมแรงมาก ลมแรงแบบนี้ไม่กล้าไปยืนริมผาเลย กลัวจะโดนพัดตกเอา ที่นี่เราแวะพัก สูดอากาศสดชื่นๆให้หายเหนื่อย
เจ้าหน้าที่ชี้ให้ดูว่าเหลืออีกประมาณ สามสี่ร้อยเมตรจะถึงจุดตั้งแคมป์แล้ววว และเดินไปอีกนิดก็จะเป็นไฮไลท์ของการเดินป่าในครั้งนี้นั้นคือ ดอยหลวงตาก
พักได้ให้อิ่ม เราก็เดินทางกันต่อ ลูกหาบบางส่วนได้เดินทางไปยังจุดตั้งแคมป์แล้ว พวกผมไปถึงจุดตั้งแคมป์เป็นกลุ่มแรกๆ เมื่อไปถึงแล้ว ทางสตาฟแนะนำให้ หยิบเต้นท์ไปหาทำเลกางได้เลย กางเต้นท์เรียบร้อยสมาชิกทัวร์เริ่มตามมา เต้นท์ส่วนกลางก็ ตั้งเรียบร้อย เต้นท์ส่วนกลางนี้จะเป็นศูนย์บัญชาการ เอ้ย ที่กินข้าว รวมถึงสตาฟจะ พักแรมกันที่นี่
ระหว่างนั้นก็ได้ไปเยี่ยมชม กลุ่มลูกหาบและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลูกหาบ เจ้าหน้าที่และลูกหาบซึ่งเป็นชาวบ้านแถวๆนี้ เค้าจะนอนกันโดยใช้เปลง่ายๆ พร้อมกับกางผ้าใบกันน้ำค้างด้านบน ใกล้ๆกันจะมีเมหือนโรงครัว เป็นที่ประกอบอาหารสำหรับคนตั้งแคมป์
เมื่อสมาชิก ต่างกางเต้นท์ของตนเองเรียบร้อย สตาฟของเราก็ไล่ขึ้นไปดูดอยหลวงตาก ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ในทริปนี้ ส่วนสตาฟบางส่วนจะประกอบอาหารอยู่ด้านล่าง เมื่อสมาชิกลงมาก็พร้อมจะทานอาหารเย็นกัน
เดินขึ้นจากจุดตั้งแคมป์ประมาณ สองร้อยเมตร เราก็จะถึง ดอยหลวงตาก เนินเขาสูงชันที่ปราศจากต้นไม้ เนื่องจาก ลมค่อนข้างแรงมากกกก จะมีเพียงทุ่งหญ้า เท่านั้น ซึ่ง สวยยมากกกกกกก หากเดินไปริมๆก็มีเสียวๆอีกต่างหาก ที่นี่วิวสวยจริงๆ เสียดายวันที่ขึ้นมาฟ้าสลัวๆ รูปที่ได้จึงไม่ค่อยสวย
ด้านบนยอดนอกจากเดินขึ้นมาแ้ว ยังสามารถเดินต่อได้อีก ไปชมวิวสวยๆ พวกเราทั้งหมดชื่นชมบรรยากาศ จนถึงเย็น ทนหนาวไม่ไหว ก็ลงมากัน คืนนี้ สตาฟมีอาหารให้เราได้อิ่มท้องกันสามสี่อย่าง อาหารอร่อยมาก
หลังจากทานอาหารแล้ว นั่งคุยที่มาที่ไปกันได้นิดหน่อยก็แยกตัวกันไปนอน เพราะเหนือ่ยกันมาทั้งวัน ความจริงแล้ว สตาฟอยากให้พวกเราแนะนำตัวทำความรู้จัก แต่ความเป็นจริงอิ่มแล้ว หายไปกันทีละคนสองคน 555 คงจะหมดแรงกัน ผมหรอ สองทุ่มครึ่งไม่ไหวและ หลับยาวยันตีห้า
เช้าวันที่สองบนดอยหลวงตาก สตาฟปลุกเราแต่เช้า บอกให้เราขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เราเชื่อคนง่ายก็ปายย ฝ่าดงป่า ที่คล้ายๆต้นตาลไป วันนี้ เมฆยังเยอะแต่ก็ถือว่าน้อยกว่าเมื่อวาน ได้เห็นแสงแดดบ้าง ลมไม่แรงเท่าเมื่อวาน และ บรรยากาศสวยกว่าเมื่อวานอีกกกกก
พูดถึงอากาศเมื่อคืน จะบอกว่ามานี่นึกว่ามาหน้าหนาว อากาศเย็นไปทางหนาวเลย สิบกว่าๆองศา จึงทำให้เมื่อคืนหลับสบาย ส่วนตอนเช้าที่ขึ้นมาที่ดอย ต้องใส่เสื้อหนาวมานะ หนาวจริงๆ บวกกับลมแรงๆ ฟินจริงๆ 55555
หลังจากอิ่มกับบรรยากาศยามเช้า เมื่อเราลงมาถึงสตาฟก็เตรียมอาหารเช้าให้เราเรียบร้อย ยังอร่อยเหมือนเดิม พร้อมกับอาหารกลางวันสำหรับขาลงคนละถุง
อ้อ ลืมเล่าถึงน้ำดื่ม ที่จุดนี้เป็นจุดตั้งแคมป์ได้ เพราะใกล้แหล่งน้ำซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพ น้ำที่นี่ได้จากตาน้ำใต้ดินผุดขึ้นมา ลูกหาบจะเดินไปกรอกใส่ขวดให้เราขึ้นมาแล้วเรานำมากรอกใส่ขวดเล็กๆของเราอีกทีสำหรับดื่มด้านบนและ ระหว่างการเดินทาง น้ำสำหรับดื่มระหว่างทางก็กรอกไปประมาณสองขวด น้อยกว่าขาขึ้นขาขึ้นต้องใช้สาม เพราะระยะเวลาจะเร็วกว่าขาขึ้น
น้ำจากธรรมชาติเนี่ย รสชาติหวาน ชื่นใจคล้ายน้ำฝน แถมสะอาดมากครับ
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เก็บเต้นท์และเดินทางลงกัน โดยขาลงใช้ระยะเวลาเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น แต่ทำเอาขาสั่น แถมวันที่สองนี้อากาศร้อนกว่าเมื่อวานอีก ขาลงก็ไม่มีอะไรมาก มาทางไหนกลับทางนั้นแทบจะกลิ้งลงมา 5555
ช่วงท้ายของทัวร์ไม่มีอะไรจะเล่ามาก เดินลง ปวดเมื่อย ถึงด้านล่าง 11 สตาฟเตรียมโค้กพร้อมน้ำแข็งดื่มให้ชื่นใจ หน้าตาแต่ละคนหมดแรงกันเป็นแถบ นั่งรถขนวัวกลับมา อบต. จัดแจงอาบน้ำอาบท่า ซึ่ง เกิน 24 hr แล้วที่ไม่ได้อาบ เรียบร้อยก็ได้เวลานั่งชิวรอเตรียมเดินทางกลับ ระหว่างทางแวะกินข้าวเย็น นครสวรรค์ แล้วก็เก็บความทรงจำดีๆ ที่มีค่าใส่กระเป๋าไว้เมื่อมีโอกาส จะเปิดขึ้นมาดู และ หากมีโอกาสจะมาเดินป่าอีกครั้ง ……
สุดท้ายนี้ ลองกล้าที่จะออกไปดูโลก เพราะโลกมันกว้างกว่าที่เราคิดเยอะ แล้วเจอกันทริปหน้า ขอบคุณครับ