บันทึกการเดินทางในช่วงหลังยังน่าติดตามไม่แพ้ช่วงแรก เหตุการณ์ต่างๆที่ไม่ได้คาดคิดกำลังจะเกิดขึ้น กับวันเวลาที่เหลือในกรุงโซล สองวันครึ่งกะ สองคืน
ยุนจู สาวน้อยที่มาเป็นไกด์จำเป็น
ตามแพลนจริงๆแล้วของผมวันนี้ ผมจะไปเดินเล่นแถวๆหมู่บ้าน Bukchon Hanok ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แต่หลังจากเมื่อคืนแพลนผมคือ ตามใจเพื่อนชาวเกาหลีที่จะพบกันวันนี้ เผื่อว่าเค้ามีสถานที่ดีๆ พาไป
ชูยุนจู คือชื่อเกาหลีของเพื่อนใหม่คนนี้ เรานัดเจอกันที่สถานี Anguk ทางออก 2 ซึ่งห่างจากพระราชวังเคียงบกแค่ สถานีเดียว ผมมาถึงที่หมายก่อน จึงยืนรอบริเวณป้ายรถเมลที่คนเยอะๆเผื่อเกิดว่า ยุนจู คนแปลกหน้าคนนี้เกิดเป็นมิฉฉาชีพขึ้นมา(เข้าโหมดระวังภัยที่จะเกิดรอบด้าน 555) ยืนรอไม่ถึงสิบนาที ไลน์ก็เด้งเข้ามาถามว่าผมอยู่ไหน เค้าอยู่ตรงทางออกแล้ว
ผมเดินหาเพื่อนเกาหลีไม่นาน ก็เจอกับเด็กผู้หญิงคนนึง เธอเหมือนออกมาจากนิตยสารแฟชั่น จึงเดินเข้าไปทักทาย ยุนจูใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จัก ผมวิวาส (อันนี้แปลไทยแล้ว 555)
เล่าถึงยุนจู ยุนจูถามผมว่าผมอายุเท่าไหร่แล้ว ผมบอกอายุผมไป เธอชมว่าจริงหรอเธอนึกว่ารุ่นเดียวกับเธอ คือ ประมาณ 25-26 ซะอีก ยุนจูเป็นเด็กที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย เธอต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำให้เธอไม่มีเวลาที่จะออกเดินทาง แต่เธอก็อยากจจะพบปะเพื่อนใหม่จึงได้มาสมัครเว็บ Couchsurfing และผมคือเพื่อนคนแรกของเธอ อ้ออีกอย่างเธอเรียกเอกภาษาอังกฤษ ทำให้เธอสื่อสารได้ดีมากๆๆๆๆๆ สำเนียงศัพท์ สุดยอด เป็นผมเองที่ดูคุยกะเธอไม่รู้เรื่อง จนบางครั้งจบลงด้วยหน้าเอ๋อๆ บวกกับยิ้มให้ เป็นอันว่ารู้กัน 5555
อาหารเกาหลีจริงๆจังๆมื้อแรกที่ Insa-dong
หลังจากทักทายกันได้ไม่นาน เนื่องจากแสงแดดที่แผดเผา จำเป็นต้องหาที่หลบแดดอยู่ ยุนจูดูเป็นคนที่ไม่กลัวแดด เธอพกพัดมาอันนึงแล้วก็เดินๆๆๆๆ ลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนมาถึงย่านที่ชื่อว่า อินซาดง ที่ที่เราจะมาหาของอร่อยราคาไม่แพงกินกันที่นี่ เพื่อเติมพลังก่อนที่จะเดินทางต่อ
และก็มาถึงร้าน ร้านที่ยุนจูพาเข้ามาผมไม่รู้ชื่อร้านหรอก แต่รู้ว่า อยู่ข้างๆ กับShoppingmall ขายของที่เค้าทำสโลปขึ้นไปเรื่อยๆ ร้านตกแต่งสไตล์โบราณ เมนูอาหารหน้าร้าน แน่นอนเป็นอาหารเกาหลีแทบทั้งหมด
ไกด์จำเป็นของเรา เริ่มแนะนำเมนูอาหาร รวมทั้งเทคแคร์ผมดีมาก ให้ลองนู้นลองนี่ ไอ้นี่เรียกอะไร คืออะไร พร้อมเขียนลงกระดาษให้เรารู้อีกด้วย
พูดถึงอาหารเกาหลี ผมให้เลยตั้งแต่ไปมา สิงค์โปร ฮ่องกง ไต้หวัน ผมให้อาหารเกาหลีเป็นอาหารนอกบ้านที่อร่อยที่สุด คงเพราะสามประเทศที่ผ่านมาอาหารเป็นสไตล์จีน จืดๆ เลี่ยนๆมั้ง อาหารเกาหลีมีรสเผ็ดบ้าง หวานบ้าง เค็มแบบกลมกล่อมบ้างถือว่าผ่านเลยล่ะสำหรับผม
หลังจากอิ่มท้อง ยุนจูชวนเดินต่อ เธอพาเดินไป shoppingmall ข้างๆที่ทางเดินเป็นสโลป เธอก็ชี้นู้นนี้ ผมเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แล้วเธอก็ถามผมว่า ไม่ชอบช็อปปิ้งหรอ เลยตอบเธอไปว่าผมไม่ใช่สายช็อป ขอเดินดูเรื่อยๆ ดีกว่า แต่เธอไม่ต้องกังวล อยากพาไปไหนพาไปเลย ขอติดตามไปด้วยเท่านั้นเอง 555
เดินดูร้านค้ามาเรื่อยๆ จนมาถึงชั้นบนของอาคาร ทีนี่มีคล้ายๆที่โซลทาวเวอร์ คือให้คู่รักมาเขียนแผ่นป้ายแล้วก็คล้องไว้ ด้านบนจึงเต็มไปด้วยแผ่นป้ายสีชมพูห้อยเต็มไปหมด
เดินกันต่อตามถนนในอินซาดง ยุนจูชี้ให้ดูร้านสตาร์บัค ที่ชื่อเป็นภาษาเกาหลี ซึ่งเป็นแห่งแรกแห่งเดียว ที่ใช้ชื่อสตาร์บัคเกาหลี
ยังเดินกันต่อกับแดดร้อนๆ ผมมักเดินตามหลังเธอเสมอ ยุนจูเดินเร็วจริงๆ แถมอึดด้วย แดดไม่กลัว เรานี่ ทั้งร้อน ทั้งเมื่อย เดินเร็วไปไหน แต่ก็ได้ตามไปเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะปกติของคนที่นี่ ซึ่งเน้นระบบขนส่งมวลชล ส่วนที่เหลือก็เดินเอา ประกอบด้วยอากาศที่นี้ไม่ได้ร้อนอ้าว แบบเมืองไทยจึงมีการฝึกฝนการเดินมาเป็นอย่างดี
จนแล้วจนรอดเธอเห็นผมท่าทางไม่ดีและ จึงบอกว่าเราแวะร้านนี้หาอะไรเย็นๆกินสักหน่อยก่อนแล้วค่อยไปต่อ ผมก็ไม่รู้นะว่าเราจะไปไหนกัน แต่ตอนนี้หิวน้ำ……..
พักยกเรียบร้อย กับน้ำกีวี่ปั่นเย็นๆ ชื่นใจ แล้วเธอพาเดินต่อ วันนี้มีแต่เดินจริงๆ ครับ กับแดดตรงหัวตอนบ่ายโมงกว่าเนี่ย เอ้า เดินหน้าเดิน
National folk museum of Korea พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี
หลังจากไกด์จำเป็นพาเดิน ตะลุยโซลจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก ก็มาถึง พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ตัวอาคาร ด้านนอก สร้างตามแบบฉบับของเกาหลีซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้พระราชวังเลย แต่ เอ๊ะ คุ้นๆ นะ เห้ยยย จริงด้วย นี่คืออาคารที่มองเห็นได้ตอนที่อยู่พระราชวังเคียงบก ที่แท้ เราเดินวนกลับมาที่เดิมนี่เอง ที่นี่เข้าชมฟรีครับ สามารถเดินเข้าได้เลย
ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันพฤหัส แต่ผู้เข้าชมค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ มาทัศนศึกษา ก็ดีครับครึ่กครื้นดี 5555
ด้านในประกอบด้วยห้องต่างๆมากมาย โดยจะจัดแสดงถึงความเป็นอยู่พื้นบ้าน ของคนเกาหลีในสมัยโบราณ อย่างภาพด้านบน ก็จะเป็นห้อง รวมถึงข้าวของที่เค้าใช้งานจริงๆ ยุนจูอธิบายต่างๆได้ดี แต่กลับเป็นตัวเราเองฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
ด้านบนเป็นการจำลองพิธีแต่งงานของคนเกาหลีในสมัยโบราณ ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็น เกี้ยวแห่ศพของกษัตริย์โบราณ
หลังจากอิ่มหนำกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลีแล้ว ยุนจูบอกว่า งั้นเราไปต่อกัน เค้าจะพาไปกินขนมหวานอร่อยๆ
เราเดินกลับออกมา อากาศยังคงร้อน และแดดก็ยังส่องแสงไม่หยุด แต่บ้านเรือนแถบนี้กลับมองไม่เบื่อเลย ถ้าอากาศเย็นคงเดินชมบรรยากาศได้ดีกว่านี้
เดินกว่า 10 นาที ก็มาถึงร้านขนมหวาน ยุนจูให้ผมเลือก 1 ใน 2 ร้าน ผมเห็นว่าร้านด้านบน น่าจะนั่งชิวได้ดี จึงเลือกไป แต่ปรากฎว่า พอเดินเข้าไปยุนจูก็คุยกับคนขาย สักพักก็พาเดินออกมา สรุปร้านนั้นไม่มีไอซ์เฟรค เมนูที่ยุนจูอยากให้ลอง จึงเดินกลับมาอีกร้านนึงด้านล่าง
ตอนอยู่เค้าเตอร์ เจ้าเมนูไอซเฟรคอะไรเนี่ย เค้ามีให้เลือกสองรสคือถั่วแดงกะเบอร์รี่ ในใจเราเชียเบอรี่ๆๆๆๆๆๆๆ แต่ยุนจูเลือกถั่วแดง 5555 ซึ่งผมไม่ชอบกินนน น่าจะถามสักคำ 555
มาแล้ววว ไอซ์เฟรค น้ำแข็งเหมือนนมปั่น ราดด้วยถั่วแดง ด้านบนเป็นแป้งต๊อก สำหรับรสชาตินั้น ส่วนที่เป็นน้ำแข็งอร่อยครับ หวานนิดและเป็นรสนม แต่ส่วนถั่วแดงด้วยทุนเดิมไม่ชอบอยู่แล้ว บวกกับรสค่อนข้างหวาน จึงเหลือครับ ยุนจูเองก็ไม่ค่อยทาน สรุปเหลือ ถั่วแดง 5555 อ้อ ไอ้บนๆ ที่เหมือนมังคุดนั้นคือ แป้งต๊อก ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มักจะอยู่ในอาหารเกาหลีหลายๆเมนู เป็นแป้งเหนียวๆ ประมาณนั้น
หลังจากพักเหนื่อยกับของหวานเย็นๆแล้ว ยุนจูแจ้งข่าวร้ายว่า ยุนจูไม่สามารถไปกับผมต่อได้แล้ว พอดีมีธุระกับแม่ของเธอ ซึ่งเธอจะไปส่งผมที่สถานี subway ตอนนี้บ่ายสี่โมงแล้ว แต่แดดยังกะ บ่ายสอง ถึงไงผมก็คงต้องหาที่ไปก่อนกลับเข้าโฮสเทล
คลอง Cheonggyecheon คลองใจกลางเมืองที่มีน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา เป็ด และ นก 5555
ก่อนจาก ยุนจูยัง ทิ้งท้ายบอกลากับผมด้วย ….. การเดินกลางแดดระยะไกล ยังกะเดินลาดตระเวณ รด. ดูจากรูปเอานะครับ ทั้งไกลทั้งร้อน พี่แกพาเดินๆๆๆ โอ้…. กลับมาไทยไม่ให้หน้าไม่ดำได้ไง เดินไปแล้วเธอก็อธิบาย รูปปั้นของวีรชนของเกาหลีใต้ทั้งสองท่าน ที่หน้าพระราชวังเคียงบกให้ฟัง สำหรับท่านด้านบน ผมพอจับใจความได้ว่า เป็นคนที่ประดิษฐ์อักษรเกาหลี อีกท่านเหมือนจะรบชนะญี่ปุ่นนะ เสียดายไม่มีรูป จับใจความได้เท่านี้จริงๆๆ
ถึงสถานี ยุนจูพาขึ้น subway ขณะกำลังรอรถ มีคนไทยมาต่อด้านหลัง กำลังเมามันก็การเม้าเรื่องผลการแข่งขัน วอลเล่ย์บอลไทย ญี่ปุ่น จนยุนจูถามว่า นั้นภาษาไทยใช่ไหม ผมเลยอธิบายไปว่า เมื่อวานมีการแข่งวอลเล่บอล เค้าคุยกันเรื่องนั้นอยู่
ยุนจูเดินมาส่งผมถึงคลองซึ่งก่อนหน้านี้เธอเตือนผมว่า อากาศมันร้อนนะ คุณยังจะมาหรือ มันไม่ค่อยมีอะไร ผมยืนยันว่าจะมาเดินเล่นอย่างน้อยก็ฆ่าเวลาน่ะนะ 55555
ถึงเวลาล่ำลายุนจู ขอบคุณมากๆที่ พาเดินเล่นที่โซล เธอขอโทษผมที่ไม่ได้พาเที่ยวจนหมดวัน เราบอกแค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว เธอยังบอกอีกว่าถ้าพรุ่งนี้คุณมีเวลาฉันจะพาเที่ยวอีก แต่ผมติดทัวร์ที่เป็นเหมือนไฮไลท์ของการมาเที่ยวโซลในครั้งนี้ จึงปฏิเสธเธอไป
หลังจากนั้น ผมก็เดินเล่นให้แดดมันเผาหน้าเรื่อยๆตามทางเลียบริมคลอง มีชาวเกาหลี มาเดินเล่นบ้างออกกำลังกายบ้าง แต่ไม่เยอะ คงเพราะแดดยังเปรี๊ยงอยู่ นี่ขนาดจะห้าโมงแล้วนะ พูดถึงคลองกลางเมืองชองแกซองไรเนี่ย เค้าบอกว่า เดิมเป็นคลองน้ำเน่ามาก่อน เหมือนๆคลองแสนแสบ แต่เค้าปรับปรุงจนใสปิ้งงงงแบบที่เห็นเนี่ยแหละ
ผมชักอยากให้คลองบ้านเราใสสะอาดแบบนี้จังร้อนๆแบบนี้แทบอยากจะโดดน้ำเล่น 555 แต่เกรงใจชาวเกาหลีเค้า อิอิ
เดินอยู่เกือบ ชม. ก็เหนื่อยและ เหงื่อเต็มตัว พระอาทิตย์เริ่มตกและ ได้เวลากลับที่พักแล้ว ผมเดินกลับขึ้นมาจากทางเดินเลียบริมคลองเพื่อไปยังสถานีรถไฟ ก็พบกับถนนคนเดินเล็กๆๆเมหือนจะขายของมือสอง เครื่องมือช่าง หนมนิดๆหน่อยๆ จับใจคความไม่ได้ว่าขายอะไรเป็นหลัก 55555
หมดไปอีกวัน ถึงโฮสเทลยังไม่มีใครกลับมา รีบเตรียมแพคของเพื่อเช็คเอ้าท์แต่เช้าในวันพรุ่งนี้ เพราะคืนสุดท้ายผมจะไปนอนโฮสเทลอีกที่ ที่มีบรรยากาศริมแม่น้ำฮันบนชั้นดาดฟ้าที่สวยงาม สำหรับวันนี้อาหารเย็นเป็นมาม่า 5555 ติดมาด้วย กินไปกลิ่นโชยไปมีเพื่อนต่างชาติ มองด้วยความสงสัยแต่ไม่กล้าของเราชิม อิอิ
คืนนี้อากาศไม่เย็นมาก ที่ห้องยังคงไม่ได้เปิดแอร์ ออกร้อนนิดๆ จึงทำให้นอนหลับไม่สบายเท่าที่ควรนัก จริงๆน่าจะเปิดแอร์ได้นะ แต่ไม่กล้าง่ะ 5555
สิ่งที่ไม่คาดคิดคือการตกทัวร์
เช้าวันที่สาม ผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัว ออกเที่ยว การเที่ยววันนี้ทั้งวันผมจะไปทัวร์ครับ ผมซื้อทัวร์ไว้ แปลกใจใช่ไหม ปกติผมมักจะเลือกไปเอง แต่ครั้งนี้จุดหมายปลายทางที่ผมจะไปมันไม่สามารถไปเองได้ แล้วจุดหมายนี้คือ จุดประสงค์ในการมาโซลในครั้งนี้ นั้นคือ DMZ+JSA ทัวร์
เข้าสาระนิดนึง DMZ คือ เขตปลอดทหารบริเวณรอยต่อระหว่างเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นจุดที่เคยตรึงเครียดสุดๆ ในโลกจุดนึง ส่วน JSA หรือ Joint Security Area ตรงหมู่บ้าน ปันมันจุม กึ่งกลางระหว่่างเกาหลีเหนือและใต้ เป็นที่ที่ลงนามสัญญาหยุดยิง ซึ่งผมอยากไปสัมผัสมากๆ
โดยการทัวร์ JSA นี้จะอนุญาตเฉพาะบางสัญชาติเท่านั้น และจะต้องส่งชื่อให้กับ UN ก่อน 48 hr ด้วยแถมยังมีกฎค่อนข้างเข้มงวดเช่น ห้ามใส่ขาสั้น รองเท้าแตะ ห้ามชุดลายทหาร ห้ามเปิดเผยรอยสัก ห้ามใส่ยึนส์ขาด ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี และอื่นๆ อีกสารพัด
ทำไมการไปเที่ยวต้องเครียดขนาดนี้มันชักตื่นเต้นๆๆๆๆ ย้อนเวลากลับไปอาทิตย์ก่อน ผมทำการจองทัวร์ ส่งรายละเอียดพลาสปอตให้ทาง un ผ่านทัวร์เรียบร้อย รอทัวร์มารับที่โฮสเทลเลย
กลับมาเวลาปัจจุบัน ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เดินทางไปเหยียบเศษเสี้ยวของเกาหลีเหนือ ผมเช็คเอ้าไม่รอทานอาหารเช้า เพื่อมารอรถตามจุดนัดผมหน้าโฮสเทลตอน 7 โมงเช้า
ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆ เห้ย 7 ครึ่งแล้วทำไมยังไม่มา เค้าย้ำว่าห้ามสายยยยยยย ทัวร์นี้รอไม่ได้ต้องไปที่นั้นตรงเวลา ผมคิดในใจเอาไงดี หรือว่าเค้าไปผิดที่ ไม่สิ ต้องถูกๆๆๆ จิตใจเริ่มร้อนรน ผมไม่มีโทรศัพท์ที่จะโทรตามเค้าได้ มีแต่เมลกะเน็ต ใช้เนตมันจะทันการณ์ไหม แย่ล่ะ เอาไงดีๆๆๆๆๆ
พลันคิดไปว่าต้องขอความช่วยเหลือแล้วว จึงรีบไลน์หา ฟิโอน่าเจ้าของโฮสเทล และส่งรายละเอียดให้เค้าดู เค้ารีบโทรตามให้ปรากฎว่า………………
สตาฟไปรับผิดที่ ไปรับอีกโฮสเทลที่ชื่อเหมือนกัน T T เสียใจมากครับนาทีนั้น ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี ฟิโอน่าก็ปลอบใจเรา ตบหลังเราไม่เป็นไรๆๆๆ แล้วเค้าก็พยายามคุยกะทัวร์ให้ ว่าจะทำยังไง มารับก็ไม่ทันแล้ว ผมพูดภาษอังกฤษไม่ได้ด้วย ต้องขอบคุณฟิโอน่าจริงๆ นาทีนั้นเธอช่วยไว้เยอะ เธอคอมเพลนไปยังบริษัททัวร์ เค้าช่วยให้ได้แค่ว่า เหลือทัวร์ตอน 10:30 แต่เป็นทัวร์ DMZ อย่างเดียว ก็เลยตกลงไป
เอาวะ!!! ไม่เป็นไร ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ จำไว้เป็นบทเรียน ระหว่างรอทัวร์ DMZ รอบต่อไป ฟิโอน่าชวนผมกลับเข้าไปทานอาหารเช้าก่อน ระหว่างนั่งรอเวลา จึงได้พบกับเพื่อนๆ จำนวนมาก ที่เริ่มตื่นนอน ออกมาทานอาหารเช้า
เดวิช ชายร่างสูงใหญ่ ที่เคยทักเราในวันแรก เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าๆเท่านั้น มาจากฝรั่งเศษ ออกเที่ยวมาหลายเดือนแล้วววว เพื่อนฝูงเยอะมาก เขาทักทายคนทุกคน และพยายามผูกมิตรทุกคน เราพอสื่อสารได้บ้าง เห็นว่ามีแพลนจะเดินทางมาไทยด้วย จึงแลกเฟสบุ๊คไป
อีกคนโจนาทาน หนุ่มลาติน ชาวคอสตาริก้า เป็น developer ทำงาน IT เหมือนกันเลยยย คนนี้ยังไม่เคยเที่ยวไทย ก็ชวนมาเหมือนกัน
นาฬิกาบอกเวลา 10:25 ผมกลับไปรอที่เดิม แต่ที่รอบนี้แปลกกว่าเดิมคือ มิตรภาพของเพื่อนๆในโฮสเทล สตาฟชาวเกาหลี ช่วยหิ้วกระเป๋าออกมาให้และ ให้ของที่ระลึกเป็นที่ขั้นหนังสือมา ขอบคุณครับ ประทับใจจริงๆ ผมลาฟิโอน่าและไม่ลืมที่จะขอบคุณเธออีกครั้ง ขอบคุณจริงๆ ครับ แล้วก็หิ้วกระเป๋ามารอสตาฟจากทัวร์ที่จะมารับ ………….
จบตอนนน—— ตอนต่อไป DMZ จะเป็นแบบไหน วันสุดท้ายของโซลจะเป็นยังไง อะไรยังรอผมอยู่ ไว้ part สุดท้าย ขอบคุณที่อ่านครับ อิอิ ————–