บางครั้งเรื่องราวต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในภาพถ่ายก็ไม่ได้ครบครันไปซะทุกเรื่อง
บันทึกความทรงจำนี้จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวว่า ช่วงเวลานั้นมันได้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
โดยเรื่องราวทั้งหมดมันได้เริ่มต้นจาก……….
พวกเรา 12 ชีวิต กิ๊บ จิ๊บ อิ๊บ กล้วย หวาน โจ้ โหน่ง เอ้ เจต เบิ้ม เต้ และผม ได้นัดพบกันที่สายใต้ใหม่ใหม่ ซึ่งเป็นการมาครั้งแรกของผมเลยก็ว่าได้ วันนี้(30/04/2009) ยังเป็นวันที่ผมต้องทำงานอยู่ จำใจต้องลา สองชั่วโมงเพื่อกลับบ้านมา เพื่อแต่ตัวและออกไปแบบว่ามีเวลาลาพอเพียง
ระหว่างทางมาสายใต้นั้น รถติดมากๆ คงเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันแรกของการหยุดยาวสามวันนั้นเอง ผมใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงบนรถตู้ พร้อมกระเป๋าเป้หนึ่งใบ กระเป๋ากล้องหนึ่งใบ และถุงก๊อบแก๊บใส่ หนมปัง 2ห่อ อาหารกระป๋องอีกสอง เป็นเสบียงไว้ยามอยู่บนเกาะ
ผมถึงสายใต้เวลาประมาณ 18.30 น. ยังพอมีเวลากินข้าวหน่าาา ขึ้นไปพบเพื่อนที่นัดไว้ กลุ่มแรกที่ได้เจอคือ เอ้ กิ๊บ โจ้ โหน่ง ทุกคนหน้าตาเดิมๆ แก่ หรือเหยินไง เหยินอย่างนั้น(เสียงตุ๊บ รอคอยแต่ไกล อิอิ) ส่วนที่เปลี่ยนแปลงคงเป็นโจ้จำได้ว่าตอนเจอกันช่วงมีนาโจ้ดูแมนกว่านี้ ตอนนี้กลับเป็นแบบเดิม คงเป็นเพราะทรงผมนั้นเอง ระหว่างรอผมไปสั่งข้าวมันไก่มากินโดยต้องขอบคุณไอเดียไอ้เอ้? กินเกือบจะอิ่มแล้ว เบิ้มกะเต้ ก็มา จริงๆแล้วมันมาถึงก่อนผมแล้วหล่ะแต่ ไปหาซื้อสุราเมไรอยู่ อิอิ มันได้ 100pi มาขวด กะโซดาอีกประมาณหกขวด และตามมาด้วยกล้วยนั้นเอง กล้วยเปลี่ยนไปเยอะเพราะผมที่คุณเค้าไว้มานาน เหลือสั้นจู๋เลยแหละ
เอาหล่ะตอนนี้ก็จะ 18.50 แล้ว พวกเจต จิ๊บ อิ๊บ หวาน ยังมาไม่ถึงเลย เราเดิมไปรอแถวชานชลากันก่อนดีกว่า เราหาทางเดินลงชานชรา(เอ้) อยู่สักพัก ก็พบว่าทางเข้านั้นเค้ามีการตรวจบัตรโดยสารด้วยจำเป็นต้องแสดง แต่ตั๋วหล่ะ อยู่ที่เจต อ้าวววยังมาไม่ถึงอีก เรารอกันด้วยด้วยใจระทึก เต้กะเบิ้มมันก็ปวดฉี่แต่มันไม่กล้าเข้า เอาไว้เข้าบนรถเหอะมึง เดี๋ยวไม่ทัน 19.00 เจต อิ๊บ จิ๊บ หวานมาถึง
พวกเรารีบไปยังชานชลา โชคดีที่รถยังรอเรา เราจัดแจงขึ้นรถเลือกที่นั่งตามใจชอบ กิ๊บกะโหน่ง อิ๊บกะเจต จิ๊บกะหวาน? ผมกะเต้ เบิ้มกะเอ้ โจ้กะกล้วย เรานั่งอยู่โซนเดียวกัน รถคันนี้เป็นรถที่มุ่งหน้าปลายทางที่ อำเภอตะกั่วป่า ซึ่งเป็นอำเภอผมเคยได้ยินในข่าวสึนามิ เมื่อรถออกเบิ้มเข้าห้องน้ำก่อนเลย ส่วนเต้มันบอกขอเก็บไว้ก่อน ไม่รุว่ามันจะเก็บไว้ทำไม รถทัวร์ออกจาก สายใต้เกือบๆ 19.30 เนื่องจากรถติด
รถทัวร์คันนี้ เค้ายังไม่ปิดไฟทำให้พวกเรานั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังเปิดหนังจีนเกี่ยวกะเจ้าพ่อโหดๆ ให้ดูอีกต่างหาก ระหว่างที่หนังมีฉาก XXX เอ้ก็ชื่นชอบเป็นพิเศษ ดูกันตาไม่กระพริบ ส่วนไอ้เต้ ร้องโอยๆอารัยของมันไม่รุ 555
กลางๆเรื่อง คนขับได้ปิดไฟ ในรถเริ่มเงียบบางคนได้นอนหลับพักผ่อน ส่วนเต้มันก็นั่งเล่าเรื่องชีวิตรักต่างๆของมันให้ฟัง จนผมก็งีบหลับไป…
ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าอะไรสีน้ำเงินๆมันแยงตาพอลืมตาก็พบกับจอ TV ที่หนังจบแล้วแต่ไม่มีคนปิดทีวี จำใจต้องลุกและเดินทุลักทุเลไปปิดตามคำแนะนำของเต้มัน?? ระหว่างที่หลับตาได้อย่างสบายใจก็เริ่มมีสิ่งกวนใจผมอีกคือขวดโซดาที่ซื้อใส่ถุงก๊อบแก๊บนั้นเอง มันดังกระทบกันกริ้งๆๆๆ น่าหนวกหูชะมัด จนสุดท้ายต้องลุกขึ้นไปดูอ้าวววว มันหลุดจากถุงกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างสนุกสนานบนที่วางของชั้นบนเหนือหัวเราเลยนะเนี่ยดีแม่งไม่ตกใส่หัว อดไปเที่ยวแน่ 555
ระหว่างทางที่ในรถเงียบมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ เสียงยางบดกะถนน เสียงลมและเสียงกรนของใครบางคนด้านหลัง ไฟรถก็เปิดขึ้นพรึบ !!! เสียงแก่ๆของ แอร์บนรถก็ปลุกทุกคนให้ตื่นแล้วก็บอกให้เอนเก้าอี้กลับมาดังเดิมเราจะพักกินข้าวกันแล้ว หลายๆคนตาลีตาเหลือก ทำนองว่า ไรวะๆๆ มีไรเกิดขึ้นวะเนี่ย และหลายๆคน สลึมสลือกันหมด
เบื้องหน้าเราเป็นป้ายขนาดมหึมา มีอักษรเขียนตัวใหญ่ๆว่า “คุณสาหร่าย”
เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าคุณสาหร่ายนี้มันใครอ่ะ ทำไมมาเปิดร้านขนาดมหึมา ซึ่งแทบหาที่อื่นใหญ่ไหนเท่าร้านนี้ บนถนนเส้นนี้ ในความคิดว่าชื่อแปลกชะมัดพลันนึกถึงดาราไทยที่เคยเป็นข่าวแต่งตัวเซ็กซี่ คุณสาหร่ายจาหัวหยิกๆแต่งตัวเอ๊กๆป่าวหว่า? คงไม่ม้างงงง 5555
และแล้ว head ทริปนี้ได้นำพวกเราไปยังที่นั่งทานอาหาร และก็พบไอดอลของคุณสาหร่ายเข้าจิงๆ คือเจ้ที่ท่าทางดุๆ เหมือนอารมณ์เสียมาจากไหนไม่รุ พูดเร็วๆ ฟังลำบากๆ สำเนียงใต้คนนี้ ทำเอาเพื่อนเราหลายท่านงอนเจ้คนนี้ไปเลย 555 และมันทำให้ผมฝังใจว่าหากพูดถึงคุณสาหร่ายเมื่อไหร่ผมจะนึกถึงเจ้คนนี้เมื่อนั้น 555
อาหารที่ได้ลิ้มลองคือ เป็นโต๊ะหมุนแบบโต๊ะจีนเป็นกับข้าว เป็นสิ่งที่ผมว่ามันไม่ดีอย่างยิ่ง ถ้ากินกับคนแปลกหน้าใครจะกินลง แต่รสชาติอาหารหลับสวนทางกับการจัดการของทางร้านคือ รสอาหารออกไปทางจัดจ้าน รสชาติถือว่าโอเคเลย ก่อนจะจากที่นี่เราก็ได้แวะทำเครื่องหมายไว้(ฉี่ไง)ว่ามาถึงแล้วนะเฟ้ยยย
รถจอดพักตอนตีหนึ่งประมาณ 20 นาทีแล้วรถก็ออกเดินทางต่อ จากชุมพรเราแยกออกถนนแบบเลนสวน ทางเริ่มคดเคี้ยวอย่างมาก รถราน้อยมาก รอบข้างมืดสนิด แต่ด้วยการที่หลับ เลยไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ จะมีรู้สึกตัวบ้างก็ตอนรถจอด สองถึงสามครั้ง มีพี่ทหารเดินขึ้นมาตรวจรถพลันก็กลัวว่า เพื่อนเราจะถูกหาว่าเป็นพม่าเข้าเมืองนี้สิ หึๆๆ
ตี 5 อยู่ๆไฟก็ติดขึ้นอีก พรึบ!!! โอ อีกแล้วรถคันนี้มันจะปลุกก็ปลุกเลยแฮะ แอร์รถก็มาแจ้งถามถึงท่านที่จะลงที่ คุระบุรี ซึ่งก็คือพวกเรานั้นเอง พลางปลุกกันแล้วก็ก้าวลงจากรถ
อ.คุระบุรี เป็นอำเภอเล็กแต่ไม่แน่ใจว่าพื้นที่เค้าเล็กหรือเปล่า แต่เขตเมืองนั้นเค้าเล็กจริงๆ ยาวแค่ประมาณ 2 Km มีบ้านเรียงรายมีเซเว่น 2 จุดมีธนาคาร มีหมามีแมวและอื่นๆอย่างที่อำเภอควรจะมี
ตอนที่เรามาถึง ถนนนั้นแถบไม่มีรถวิ่ง เมืองยังไม่ตื่น มีชายแปลกหน้าสองคน เดินมาถามว่าเป็นกรุ๊ปทัวร์ของเค้าหรือเปล่า หนึ่งในนั้นคือพี่ผู้ชายตัวสูงหน่อย เป็นเจ้าหน้าที่ของซาบิน่าทัวร์นั้นเอง
ตรงที่รถทัวร์เราจอด เป็นหน้าสถานนีบัญชาการใหญ่ของทางซาบิน่าทัวร์ พวกเรามีถึงเป็นกรุ๊ปแรกๆ พลางกันจัดแจงเก็บสัมพาระ ชาร์ตโทตับ เข้าห้องน้ำ ยึดพื้นที่ภายใน จนทำใครกรุ๊ปอื่นๆรอเข้าห้องน้ำนานเลยย
หลังจากเสร็จธุระ ก็เป็นช่วง free time บ้างไปเซเว่นตุนของ บ้างนั่งเล่น ถ่ายรูปตามประสา อยู่หน้าสำนักงาน รอเวลานั่งรถไปยังท่าเรือ เราได้รถเที่ยวที่สองซึ่งมีแต่พวกเรา ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการนั่งรถจากหน้าสำนักงานไปยังท่าเรือหรือที่ทำการอุทยานบนฝั่ง เจ้าหน้าที่ซาบิน่าปล่อยเราหน้าทางเข้า ข้างร้านไก่ทอดที่เจตบอกว่าอร่อย ตรงข้ามของอีกฝั่งถนนเป็น สำนักงานอีกแห่งของซาบิน่า ที่นี้เราต้องทำเรื่องเช่าเรือ อุปกรณ์ดำน้ำ ชูชีพ และลงชื่อประกันภัย
ในขณะเดียวกันนั้นเองหลายๆคนก็ต่างพากันซื้อข้าวเหนียวไก่ทอด ข้าวหมกไก่ ไว้เป็นมื้อเช้า
ไก่ทอดร้านนี้คนขายเป็นผู้หญิงผิวคล้ำ และแน่นอนพูดสำเนียงทางใต้อีกทั้งเค้าเป็นอิสลาม ไก่ของเค้าน่ากินมา ได้แต่น้ำลายหกซื้อไว้ก่อน เพราะไม่มีเวลากินต้องรีบไปขึ้นเรือ แต่ที่เสียอย่างเดียวคือชิ้นเล็กไปนะครับ อิอิ
เรามาถึงท่าเรือก็จะพบกับสัมพาระของเรา ที่เจ้าหน้าที่ จัดไว้ให้แบบไม่ต้องถือเลยแถมยังส่งลงเรือให้เราอีก เราก็ไปกันตัวเปล่า อิอิ เช้านี้จัดได้ว่าคลื่นลมสงบมาก พาหนะที่พาเราไปยังเกาะเป็น speed boat ลำใหญ่ (ใหญ่มากครับจุคนได้เกือบๆสามสิบคน) แถมยังซิ่งได้เร็วแรงอีกด้วย อย่างที่กล่าวไปว่าวันนี้คลื่มลมสงบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเมฆนะครับ เมฆก็มีพอสมควร เรานั่งเรือ ผ่านบริเวณฝั่งซึ่งมีเกาะเล็กเกาะน้อย ชายฝั่งบ้าง ออกสู่ทะเล และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
เวลาผ่านไปชั่วโมงนิดๆเราก็มาถึงเกาะ เกาะ เกาะ เกาะสุรินทร์นั้นเองเรือเริ่มลดความเร็ว เสียงลมเอื่อยๆ เข้ามาแทนที่เสียงเครื่องยนต์ ผมพบว่า ที่นี่น้ำมันเขียวโคตรๆๆ เลยครับ ตั้งแต่เกิดมาพบว่าที่นี้น้ำทะเลเขียวมาก ทราบด้านล่างคงขาว น้ำใสแจ๋วเลย แล้วเรือก็มาหยุดนิ่งใกล้ชายฝั่ง ขณะเดียวกันกับที่พวกเราทั้งสิบสองชีวิตกำลังตื่นตาตื่นใจ กับน้ำทะเลรอบๆตัว พลางสงสัยว่าอ้าวเค้าไม่ไปส่งถึงที่หรอเนี่ย สงสัยต้องว่ายน้ำไปหาดเองแหงๆ
สักพักคนขับเรือก็โทรเรียกเรือเล็กบริเวณนั้นๆ มารับพวกเราไปทีละชุดๆ และวแต่ว่าเราพักที่ไหน ผมไม่แน่ใจว่าเรือที่ใช้สัญจร บริเวณที่เรียกว่าเรืออะไรเป็นเรือแบบชาวบ้านมีขนาดใหญ่พอสำหรับคน ประมาณ 12-15 คน ตัวเรือทำจากไม้? มีคูโบต้าเป็นพลังขับเคลื่อน มีหลังคาที่ทำจากพืชที่อยู่บนเกาะ
ไม่นานเราก็มาถึงจุดที่เรียกว่าอ่าวช่องขาดซึ่งจะเป็นที่พักของเราสองคืน
หลังจากเสร็จจากติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเรื่องเช่าเต็นท์ เช่าเรือ เช่าอุปกรณ์เครื่องนอน เราก็ขนของมายังเต็นท์ที่พัก เต็นท์เราเรียงรายอยู่แถวแรกของหาด จำนวน 7 เต็นท์ซึ่งพบว่า เต็นท์ริมสุดมีคนมาเอาไปนอนซะแล้วในวันแรก พวกเรา แบ่งกันนอน เต็นท์ละสองคนเก็บข้าวเก็บของ กินมื้อเช้าที่ได้จากร้านไก่ทอดที่ท่าเรือ ช่วงนี้หิวมาครับ โคตรอร่อยเลย แต่บางคนกินบนเรือไปแล้วเรียบร้อย
ช่วงเวลาที่เหลือ ก่อนจะถึงเวลากินข้าวเที่ยงนี้เป็น Freetime ของพวกเรา เมื่อเราพักผ่อนกันจนหายเหนื่อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเราทั้งหมด จะลงน้ำเพื่อวอร์มอัพ ก่อนจะลงดำน้ำตอนบ่าย โดยเจตอาสาจะสอนเอ้ ส่วนกล้วยนั้น อาสาเฝ้าเต็นท์ พร้อมกับนิยายที่กล้วยมักอ่านเป็นประจำ
ทางผม เจต เต้ เอ้ เบิ้ม เต้ เล่นน้ำกันบริเวณหน้าที่พัก ส่วนคนที่เหลือดำไปบริเวณโขดหินทำให้จิ๊บกับ โจ้ได้รับบาดเจ็บจากหินบาด ทำเอาเพื่อนๆ ต้องมาช่วยกันปฐมพยาบาลกันใหญ่
และแล้วก็ถึงเวลา 11 โมงเราต่างขึ้นจากน้ำ เตรียมตัวและเดินทางมายังโรงอาหารของอุทยาน เพื่อเติมพลังมื้อเที่ยงก่อนจะไปลุยกัน อาหารที่นี้พบว่า ถ้าไม่กินเป็นชุดหัวๆที่ทางอุทยานจัดไว้(ราคาค่อนข้างสูง) ก็จะเป็นอาหารจานเดียวไม่ว่าจะเป็น กระเพรา ข้าวผัด กระเทียมพริกไทย ไข่เจียว หากเป็นหมู ไก่ ก็จะตกที่จานละ 60 ส่วนปลาหมึกหรือกุ้งก็ 80 ไข่ดาว 10 ข้าวไข่เจียว 40 ใส่หมูสับ 50 โอ้ยจำได้แม่นเลย 555 แต่หากจะกินทะเลต้องมาลุ้นอีกว่า มื้อนั้นๆมีไหม แต่ถ้าเป็นชุดๆหัวๆแล้วยังไงก็มีหล่ะหน่าา
เรานั่งคุยกันพลางรออาหารไป อาหารที่เป็นชุดๆหัวๆจะออกก่อน พวกอาหารจานเดียวชนชั้นสองครับ อิอิ รอไปเถอะ เที่ยงเกือบครึ่งกว่าจะได้กิน? พูดถึงรสชาติอาหารจัดได้ว่าเกณฑ์ดีเลยมื้อแรกนี้อาหารรสจัดเผ็ดด้วย สมเป็นอาหารใต้
บ่ายโมงเวลาที่เรานัดกับเรือไว้เพื่อที่จะออกดำน้ำกันวันแรก? เรือที่เราได้เป็นเรือเบอร์ 10 มีคนขับเรือ 1 คน Staff 1 และเด็กน้อยอีก 1พี่ Staff เนี่ยหน้าแกเหมือนสรพงษ์ เพื่อนๆเลยตั้งชื่อให้แกแบบนั้น? พี่บนเรือทั้งสองคนสมเป็นชาวเกาะจริงๆ คือเข้มมากๆๆๆๆๆๆ ก็ดูดิแกเล่นนั่งเรือแบบไม่กลัวแดดเลย ส่วนพวกเรานั้น เคลือบไปด้วยสะสารที่เรียกว่า ครีมกันแดด
บ่ายวันแรกนี้เราได้มาดำน้ำแถวอ่าวผักกาด และก็ถัดๆขึ้นมาเรื่อยๆ อันนี้จำชื่อไม่ได้ ระหว่างที่นั่งเรือไปยังที่ดำน้ำผมหันไปมองเพื่อนข้างๆซึ้งนั้นก็คือ ไอ้เอ้ มันตัวสั่น หน้าซีดๆ แบบกลัวสุดๆ ท่าจะเป็นเอามา
ในการลงดำน้ำครั้งแรกคงต้องพูดถึงเอ้ ผู้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Water Moniter (อันนี้ทราบในภายหลัง) เป็นโรคกลัวน้ำมากเกาะผมแน่นมาก กว่าจะแกะออกและลากไปได้ลำบากมาก? แต่สุดท้ายในการดำรอบหลังๆ มันก็ข้ามจุดที่กลัวไปได้ จนตอนนี้จากที่ไม่กล้าแม้แต่ลงน้ำ สามารถดำดูปักการังคนเดียวได้แล้ว น่าชื่อชมพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จริงๆ(Water Moniter)
ใต้น้ำวันแรกนี้พบปลาบ้าง ปักการังบาง แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ได้สัมผัสกับโลกใต้น้ำจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก ของผม
สี่โมงเย็นเรากลับมาถึงที่พัก เราแวะพักเล่นน้ำและถ่ายรูปก่อน ก่อนที่จะแวะสั่งอาหารและกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่า? พูดถึงที่พักเราพบว่าเต้นท์ที่ระบุไว้ว่าสองคนนี้ก็ใหญ่พอสมควร จริงๆนอนได้สามเลยแหละ แต่เต้นท์หลายๆเต้นท์สภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก คงเป็นเพราะผ่านร้อนผ่านฝนผ่านหนาวมามาก ความสะอาดของเต็นท์ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร มีทรายอยู่พอสมควรตอนที่เข้ามาครั้งแรก แต่ก็รับได้หาไม้กวาดมาปัดๆหน่อยก็โอและ ส่วนเครื่องนอนที่เราได้มานั้นเป็น หมอน 1 ถุงนอน 1 แผ่นปู 1 ก็พอใช้แก้ขัดได้
หลังจากที่เตรียมตัวมาอาบน้ำเรียบร้อยเราก็ตรงมายังห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี้มีสองชุด ชุดใกล้เต็นท์เป็นไม้ อีกชุดเป็นปูนเลือกเอาตามใจชอบ ชุดที่เป็นไม้ดูโทรมๆไปหน่อยไม่กล้าอาบเลย ทำให้เราต้องเดินไกลมาอาบอีกชุด? เวลานี้(ประมาณ 5 โมง) ยังไม่ค่อยมีคนมาอาบส่วนหนึ่งเพราะเขายังไม่กลับมากัน
เมื่ออาบน้ำเรียบร้อยเราต่างกันทะยอยมาที่โต๊ะอาหาร เอ เอ้ กล้วย เต้ เบิ้ม มาถึงกันก่อนเนื่องจากต้องการโต๊ะตัวนี้เพราะอยู่ใกล้ปลั๊กไฟ สามารถชาร์ตแบตได้ เพื่อนหลายๆคนได้เตรียมปลั๊กมาต่อพ่วงกันทำให้มีที่เสียบเพียงพอสำหรับพวกเราส่วนคนอื่น อด 555
มื้อเย็นนี้ผมได้มีโอกาสได้กินทะเลทอดกระเทียมพริกไท (ซึ้งมาพบตอนจบทริปแล้วว่าเป็นอาหารทะเลมื้อเดียวบนเกาะ!!) เนื้อจากวันนี้เรือใหญ่เข้าและมีวัตถุดิบทางทะเลมาทำอาหารนั้นเอง
คืนแรกบนเกาะนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะร้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน มากๆ ร้อนนนนถึงร้อนโคตรๆ ต้องอาศัยแป้งเย็น ลมก็พัดน้อยมากแถบไม่รู้สึกถ้าไม่อยู่นิ่งๆ พวกเราได้เช่าเสื่อมาสองผืนปูและนั่งคุยกัน ตรงหน้าเต็นท์ ส่วนเต้และเบิ้ม ตั้งวงเหล้ากันสองคนตามประสาคนเมา เรานั่งคุยกันไม่นาน สามทุ่มก็แยกย้ายกันเข้านอนเนื่องจากเหน็จเหนือ่ยมาทั้งวัน อีกทั้งยังเพลียจากการเดินทางไกล ทำเอาผมหลับลงในที่ ที่ร้อนระอุได้ไม่ยากนัก
เช้าวันแรกบนเกาะ ผมตื่นตั้งแต่ หกโมงก็พบคนที่ตื่นก่อนผมนั้นคือเจต เนื่องจากอากาศร้อนจึงทำให้นอนต่อไปในเต็นท์ไม่ไหว ทั้งที่เมื่อคืนผมและเจตได้เปิดเต็นท์นอนอย่างไม่อายใคร แถมยังเปิดพุงหน่อยๆด้วย 555 ก็มันร้อนสุดๆเลย
วันนี้ช่วงเช้าอากาศไม่สู้ดีนักคือมีเมฆพอสมควร ลมเอื่อยๆแทบไม่พัด พวกเราพากันทยอยตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปลงฟัน และเปลี่ยนชุดสำหรับลงน้ำ เจ็ดโมงเราเจอกันที่โรงอาหารสั่งของกินเพื่อเพิ่มพลัง ที่จะใช้ในวันนี้
แปดโมงทุกคนอิ่มกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปยังท่าเรือพี่สรพงษ์ก็ได้รอเราอยู่แล้วที่นั้น วันนี้เรือที่เราใช้ยังเป็นลำเดิม คนเดิม มีลูกอมสำหรับอมให้ชุ้มคอเวลาเจอน้ำทะเลมากๆ ต้องขอบคุณพี่เห้ของเราที่จัดมา อีกทั้งวันนี้บนเรือยังมีถั่วเพื่อเพิ่มพลังตดอีกด้วย
รอบเช้าเรานั่งเรือจากที่พักประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อไปยังเกาะที่อยู่เหนือที่สุดของหมู่เกาะสุรินทร์ นั้นคือเกาะ ตอริก้า(เขียนถูกไหมหว่า) เกาะนี้ผมให้ความสวยอันดับหนึ่งของทริบนี้เลย บริเวณนี้ปลาเยอะ ปักการังเยอะ น้ำทั้งตื้นและลึกแต่ก็ใสมากๆๆ เหมือนโลกใต้บาดาลในการ์ตูนเลยครับ
หลังจากดำที่เกาะตอริก้าแล้วเราก็กลับมาดำแถวๆเกาะสุรินทร์เหนือและใต้ อีกสองแห่งก่อนที่จะกลับมาที่ทำการอุทยานเพื่อเติมพลังมื้อเที่ยงกัน? บ่ายวันนี้เรามีสถานที่นึงที่จะไปและไม่ใช่ที่ดำน้ำนั้นคือ หมู่บ้านชาวมอแกน ก่อนถึงหมู่บ้านเราเห็นชายแก่นุ่งลิงตัวเดียวขับเรือสวนกับเราซึ่งมารู้ทีหลังจากพี่สรพงษ์ว่า นั้นแหละหัวหน้าหมู่บ้าน
ที่หมู่บ้านมอแกนซึ่งเป็นชนเผ่าเล็กๆอาศัยการจับปลาอยู่รอด และใช้ชีวิตแบบพื้นบ้าน บนหาดแห่งนี้ผมรู้สึกว่าค่อนข้างสกปรก และคิดว่าประเพณีดั้งเดิมของเค้ากำลังจะเปลี่ยนไป ภาพที่คิดไว้ก่อนจะมาเลยผิดกันเลยแต่ก็ยังมีเพียงเล็กน้อยที่ได้ฟังจากพี่สรพงษ์ เช่นเรื่องการเอาพืชสมุนไพรมาเป็นยา? เอาใบไม้มามุงหลังคา
ครั้งนี้เราได้เอาของมาแจกเด็กๆชาวมอแกนกัน แต่ก็มีเรื่องบ้างในภายหลังอันนี้สอบถามได้จากกิ๊บ
หลังจากลงเดินเล่นบริเวณหมู่บ้านมอแกนเป็นเวลายี่สิบนาที เราก็ไปดำน้ำกันต่อแถวๆอ่าวเต่า และอ่านอื่นๆจำชื่อไม่ได้ แต่ในความเห็นก็สู้ ตอริก้าไม่ได้ อิอิ ว่าแต่ ช่วงหลังๆ เริ่มเหนื่อยกับการดำน้ำเต็มที่ แถมอยากลอยเฉยๆ น้ำที่นี่ก็พัดเหมือนกันถึงแม้จะดูนิ่งๆ เงยหน้ามาอีกทีก็ไกลเรือและ อิอิ
เย็นนี้เรากลับมาเข้าฝั่งก็สไตล์เดิมคือบางคนแรงเยอะๆก็เล่นน้ำกันต่อบางคนก็อาบน้ำ เย็นวันนี้ฟ้ามาครึ้มเลย เสียงร้องมาแต่ไกล ผม เอ้ เต้จึงรีบเก็บของแล้วก็วิ่งลุยฝน ไปคอยเพื่อนๆที่โรงอาหารก่อน วันนี้เป็นมื้อเดียวที่เราสั่งเป็นกับข้าวแต่ด้วยความซวย ดันไม่มีอาหารทะเล 5555
ฝนได้กระหน่ำอยู่สักพัก ในใจก็ห่วงเต็นท์ พอฝนเริ่มซาเพื่อนก็มาถึงทีละคนสองคน จนถึงเวลาบประทานอาหารกัน
หลังจากอิ่มกับมื้อเย็นแล้ว เราไปชุมนุมกันบริเวณ ที่ทำการอุทยาน หวานได้เขียนโปสการ์ด จิ๊บ อิ๊บ หวาน ยืนอ่านสมุดเยี่ยม คนอื่นๆคุนกันบ้างดูหนังบ้าง แล้วไม่ทันไรไฟก็ดับพรึบ มืดไปหมดเลย 555? แต่ไม่นานไฟก็มา เรานั่งคุยเล่นกันสักพักก่อนกลับเต็นท์เราก็เช่าเสื่อเพิ่ม
วันนี้ถึงแม้ฝนพึ่งตกไปแต่ก็ยังร้อนระอุเหมือนเดิม? พวกเรามาตั้งวงปูเสื่อกันหน้าที่พักเหมือนวันแรกแต่พื้นที่ใหญ่กว่าเดิม ส่วนเต้และเบิ้มยังคงแด๊กเหล้าโดยไม่มีน้ำแข็งมาช่วยในคืนนี้ พร้อมกับปรับทุกข์สุขกันสองคนอย่างเมามัน ส่วนทางนี้คนอื่นๆนั่งล้อมเป็นวงปรึกษากันว่า เราจะเล่นไรดี
แล้วคืนนี้เองเราก็ได้เล่นอะไรหลายๆอย่างเช่น ไพ่ตบตีกันมันส์จริงๆ ไพ่ตอแหลชื่อก็บอกอยู่แล้ว แล้วก็เกมส์สุดมันส์ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นกันมากเค้าเรียกไรนะจำชื่อไม่ได้ แต่เกมส์นี้สุดมันส์เลย มันได้ลุ้นดี ต้องคิดไวและไม่ซื้อกับคนอื่นถึงจะรอดได้ 555 อ้อลืมบอกไปไอ้เกมส์ที่มัน นึกชื่ออ่ะเช่น ชื่อผลไม้ (อันนี้คือการจำลองการเล่นเพราะจำไม่ได้ใครพูดอะไร) หวาน:มังคุด จิ๊บ:แตงโม เจต:ส้มโอ? เอ้:มะนาว ตุ๊บๆๆๆๆ(เสียงไอ้เอ้โดนตี 555)
เราเล่นกันอย่างเมามันส์ และในเกมส์สุดท้ายเป็นผมที่เป็นฝ่ายโดนตุ๊บๆ ซะเอง 555 สี่ทุ่มแล้วอากาศก็ยังร้อนทำให้ใครหลายๆคน ขอปูเสื่อนอนกันข้างนอก แล้วคืนนั้นถึงแม้จะร้อนก็ทำเอาผมหลับได้ไม่ยาก
ขณะที่กำลังหลับ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงแปลกๆ แกรกๆๆๆ เหทือนใครเอาเล็บมาขูดเต็นท์เป็นจังหว่ะๆ พอผมขยับ มันจะเงียบ ผมเงียบมันจะแกรกๆ ต่อผมคว้าไฟฉายมาส่องยังมุมเต็นท์ แต่ก็ไม่พบอะไร เนื่องจากผมเปิดเต็นท์นอนทำให้หยองนิดๆว่าจะเป็นตัวไรหว่าาา แต่เสียงนั้นไม่ได้มาจากในเต็นท์แต่กลับมาจากข้างนอกด้านล่าง ผมพยายามนิ่งในความมือสังเกตเห็นมุมเต็นท์ขยับๆ มีบางอย่างอยู่ข้างล่าง เท่านี้ก็สบายใจและมันจะตัวอะไรก็ช่าง นอนดีกว่าเรา
เกือบๆตีสาม เจตขนของเข้ามาที่เต็นท์บอกฝนกำลังจะตก? อ้าววว ตายหล่ะหว่าตกอีกแล้ว มองฟ้าดูมันแวบๆ เพื่อนที่นอนด้านนอกต่างเข้าไปยังเต็นท์แต่ละคนพูดไม่นานฝนก็เทกระหน่ำอย่างกับฟ้ารั่วเราจึงรีบปิดเต็นท์ทันที? คืนนี้ฝนตกหนักมากลมก็แรง? แต่ผมก็หลับไปทั้งๆที่มีน้ำหยดลงติ๋งๆ ที่เท้า -_-”
คืนนี้ได้มีเหตุการบางอย่างเกิดขึ้นที่เต็นท์เอ้กะโหน่งคือมีปูเข้าเต็นท์ และผู้รอดชีวิตทั้งสองได้หนีมาอยู่ยังเต็นท์ข้างๆและไม่นานเต็นท์หวานก็เกิดภัยพิบัติเหมือนกับเต็นท์เอ้
เช้าวันสุดท้ายกับชีวิตบนเกาะ เช้านี้ฝนได้หยุดแล้วก็ก็มีเมฆมาก เราก็ทำภารกิจเดิมๆคืออาบน้ำกินข้าว บางคนก็ยังนอนอยู่เนื้องจากไม่มีโปรแกรมไปไหน หลังจากกินข้าวมื้อเช้าเรียบร้อย บางส่วนก็ไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกัน ป่าที่เราเดินในวันนี้เป็นป่าดิบชื่อ ที่ฝนพึ่งตกไปเมื่อคืนทำให้ ในป่ามีอากาศชื้นๆ เย็นๆ? เราไปกัน เจต อิ๊บ จิ๊บ หวาน โจ้ เอ เต้ เอ้ เบิ้ม ระหว่างทางก็มีทุลักทุเลบ้าง แต่ก็ยังมีบรรยากาศสวยๆเพราะทางที่เราเดินไปนั้นจะเลียบหน้าผา กับทะเล มีมุม ดูทะเลเป็นระยะๆ จะว่าไปที่นี่มีปูเสฉวนให้เห็นมากมายตามโขดหินและหาดทราย เราเดินเล่นกันไปเพียงสามสถานนี ด้วยเหตุที่ฟ้าครึ้มเวลาน้อยทำให้เราไปได้ประมาณครึ่งทางก็จำเป็นต้องหันหัวกลับมายังที่พัก
กลับมาที่พัก ฝนก็บรรเลงกระหน่ำตกลงมา เราต่างคนต่างวิ่งกลับรีบเข้าเต็นท์ แล้วรีบปิดเต็นท์ผมอยู่ในเต็นท์คนเดียวลมแรงมากแอบมองเต็นข้างๆ มีโจ กล้วยและกิ๊บที่พึ่งตื่นนอน คุยกันอยู่ผมอยู่คนเดียวในเต็นท์ระหว่างนั้นน้ำก็เข้าเต็นท์เรื่อยๆ จนต้องสร้าางเขื่อนและวิดน้ำออก อย่างเมามัน ในใจคิดว่านี่ตูต้องติดเกาะอีกวันไหมเนี่ย
แล้วมันก็หยุดตก ได้เวลาอาบน้ำและเคลื่อนพลไปยังโรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวันมื้อสุดท้ายบนเกาะ ทุกๆคนช่วยกันเก็บของเช็คสัมพาระ
ก่อนรับประทานอาหาร แล้วถัดจากนั้น เราก็มาถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกกัน จนได้เวลาบ่ายโมง ถึงเวลาที่ต้องจำจากหมู่เกาะสุรินทร์เกาะแห่งการดำน้ำนี่แล้ววว ขากลับไปที่ฝั่งเรายังคงได้นั่ง speed boat ลำโตๆ อีกดังเช่นขามา แต่เที่ยวกลับนี้มีคลื่นทำให้เรือของเราเด้งๆๆๆ 555 ทำเอามึนเลยแถมยังหักหลบ ฉลามอีกต่างหากมันส์จิงๆ
กลับมาถึงฝั่งโดยสวัสดิภาพ ก็จะพบกับวลีหมายเลขสองมาคอยต้องรับพร้อมเชิญชวนดื่นน้ำที่เค้าจัดเตรียมไว้ให้ คืนของและขึ้นรถกลับตัวเมืองคุระบุรี
ขากลับโจ้ยังแวะลิ้มลองไก่ทอดเหมือนเดิม แถมยังกล้านั่งกินคนเดียวในรถอีกด้วย 5555
ตอนนี้ก็บ่ายสองเกือบสามแล้ว พวกเรามาถึงกรุ๊ปแรกๆอีกแล้ว กรุ๊ปอื่นๆเริ่มทะยอยกันมาถึง เราใช้เวลาว่างที่เหลือ อยู่ไปกับหา หาอาหารทะเลรสชาติเยี่ยม ที่ไม่ได้มีโอกาสที่ลิ้มลองบนเกาะ ความอยากได้มาระบายจนหมดกับร้านอาหารทะเลที่อยู่ข้างๆ ออฟฟิตของ ซาบีน่า นั้นเอง อาหารชื่อแปลกๆ แต่ละอย่างรสชาติดี ทอดมันไข่เค็มงี้ โดเรมอนงี้ อีกทั้งยังมีโรตี มะตะบะร้านข้างหน้ามาเพิ่มความเปรมปรีให้พวกเราอีกต่างหาก ในราคาที่ไม่สูงมาก เยี่ยมจริงๆ
หลังจากเต็มอิ่มกับอาหารมื้อที่ดีที่สุดในทริปแล้ว เรากลับมาที่ออฟฟิต นั่งคุยกันบ้าง จนเมื่อเริ่มเย็นพวกเราทั้งหมดได้เดินไปยังตลาดนัดริมถนนเพื่อไปหาของกิน เพิ่มเติม? เดินเลือกซื้อพลางต่อพลางกินไปด้วย สนุกสนาน กันไป คนที่นี่มีเอกลักษณ์ของคนใต้จริงๆครับ
พระอาทิตย์ตกแล้วเราเดินกลับมายัง ออฟฟิตของซาบีน่า รถจะมาตอน 6.45 ยังมีเวลาอีกสักพัก? พี่ที่ออฟฟิตแนะให้เราไปนั่งเล่นคอยรถที่ข้างบนเดี๋ยวพี่แกจะเรียกเอง แล้วพวกเราก็เริ่มเล่นไพ่ตอแหลกันบนฝั่ง ขณะที่แจกไพ่ยังไม่ทันจะหมด ได้มีสาวน้อยผู้หนึ่งไม่ทราบนามเปิดประตูเข้ามาแล้วถามว่า “ใช่ที่ไปกับภูเก็ตเซ็ลทรัลทัวร์หรือเปล่าคะรถมาแล้วค่ะ”? พวกเราวงแตกในทันใดต่างกระจัดกระเจิงเก็บของ ของตัวเองแบบไม่คิดชีวิต แต่เมื่อกำลังเดินไปที่รถ เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า “รถของกรุ๊บคุณเจษฎายังไม่มาค่ะ เดี๋ยวมาแล้วจะบอกค่ะ”(พูดสำเนียงทางใต้จินตนาการเอานะ)? ทำเอาเราเซงกันไปตามกัน ผมแอบเห็นผู้หญิงคนนั้น ทำหน้าขอโทษๆณู้สึกผิดที่ บอกเราผิด
หลังจากโดนหลอกลวงจากกรุ๊ปทัวร์อื่น เราก็มาประจำกันหน้าออฟฟิต คงเพราะว่ากรุ๊ปอื่นๆไปกันหมดแล้ว เราก็เริ่มตั้งวงอีกเกมนั้นแหละที่ตีๆกันอ่ะ ตอบให้ทัน ตอบให้ถูก ตอบให้ไม่ซื้อคุณรอดแน่ 555 ผมเห็น เจ้าหน้าที่หัวเราะกับเกมของพวกเรา แกหัวเราะดังด้วยเหมือนสนุกไปด้วยงั้นแหละ แถมแกยังทิ้งท้ายว่า”อย่าไปเล่นบนรถทัวร์นะเดี๋ยวเค้าจะตกใจ 555”? และพี่วลีสอง ก็ยืนส่งเรากลับโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับบอกว่า “โชคดีนะคะน้อง รถจะพักให้ทานอาหารที่คุณสาหร่ายยยยยยยย ” อีกแล้วครับชื่อนี้อีกแล้ววว? ชื่อนี่ทีไรเซงทุกที 5555
รถทัวร์เที่ยวนี้เราจำเป็นต้องนั่งแยกกลุ่มกัน ดูเหมือนทุกๆคนเริ่มหมดแรงไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่หนักแล้วต่างคนต่างก็หลับพร้อมกับรถทัวร์ที่เอนไปมาเนื่องจากทางที่คดเคี้ยว
พรึบ !!! เอาอีกแล้วถึงแล้วหรือเนี่ย เราพากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร บางคนก็ไม่กิน มื้อรอบกลับนี้รสชาติอาหารยังใช้ได้ดีเหมือนเดิมครับ แล้วก็แยกย้ายบางคนก็ซื้อของฝากซึ่งผมสังเกตว่าราคาสูงพอสมควรเลย
ค่ำคืนนี้บนรถทัวร์พวกเราต่างหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากทริปนี้ แต่ยังมีมิตรภาพ ความทรงจำต่างๆมากมายที่จะเก็บไว้ ยากที่จะลืม ………
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากทริปนี้
– อาหารใต้รสชาติจัดออกเค็ม
– กินอาหารเป็นแพคเก็ตคือชนชั้น 1 กินอาหารจานเดียว ชนชั้นสอง T T
– คนใต้พูดแล้วฟังยากนะเนี่ย
– เอ้มีชื่ออังกฤษว่า Water Monitor
– Water monitor ได้เข้าใจทฤษฎีที่ว่า ใส่ชูชีพแล้วไม่จม
– อย่าอมลูกอมขณะดำน้ำสน๊อกเกิ้ล(อมแล้วจะไม่มีไรไว้หายใจ)
– ภาคใต้นี้เหมือนภาคเหนือ(ภูเขา)+ตะวันออกเลยเนาะ(ทะเล)
– ไก่อร่อยอ่ะอยากกินอีก
– ของฝากเต้าส้อที่ซื้อมาที่แท้ก็ขนมเปี๊ยะนี่เอง
– กินเหล้าไม่มีน้ำแข็งก็กินได้เนาะ
– รู้จักว่าการเอาตัวไปชุบครีมกันแดดมันเป็นยังไง
– อายุ 24 -25 ยังเล่นแบบเด็กๆได้แบบไม่อายใคร
เรื่องราวนี้ใช้เวลานึกและเขียนประมาณสามวันแหนะ 555 ยาวจริงๆแต่คิดว่ารายละเอียดมันเยอะกว่านี้แน่ๆ แล้วเจอกันในทริปหน้า